วิธีการเลือกรองเท้าออกกำลังกาย

เคยมั๊ย? ที่ตั้งเป้าการออกกำลังกายไว้เป็นชั่วโมง แต่วิ่งไปไม่ถึงไหนเราก็เมื่อยซะแล้ว ท้อใจอย่างนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าสาเหตุส่วนหนึ่งนั้นมาจากไหน เพราะการออกกำลังกายนั้นนอกจากท่าทางที่ถูกต้องแล้ว เรายังต้องมีอุปกรณ์ติดตัวอีกอย่างที่สำคัญพอๆกับนาฬิกาวัดชีพจร นั่นก็คือ รองเท้า นั่นเอง ถ้าเราไม่มีรองเท้าดีๆซักคู่ เราอาจจะบาดเจ็บได้ง่ายๆ เพราะการออกกำลังกายส่วนใหญ่ใช้กำลังจากขาเป็นหลัก อย่างการวิ่งก็ใช้กำลังจากขาทั้งหมด เราจึงต้องหารองเท้ามาเพื่อรองรับการกระแทก  แต่รองเท้านั้นก็มีหลายแบบหลายประเภท เราจะเลือกคู่ไหนดี เพราะรองเท้าบางคู่ออกแบบมาเพื่อกีฬานั้นๆ เรามาใช้ขั้นตอนด้านล่างนี้เลือกรองเท้ากันดีกว่า
 

พิจารณาตัวเราว่า เราออกกำลังกายแบบไหนมากที่สุด เช่น

บาสเกตบอล ควรเป็นรองเท้าที่รองรับการกระแทกของข้อเท้า เพราะเป็นกีฬาที่ค่อนข้างกระโดด เราจะเห็นว่ารองเท้าบาสเกตบอลนั้นจะมีส้นรองเท้าค่อนข้างใหญ่  เพื่อป้องการบาดเจ็บ

เทนนิส ควรเป็นรองเท้าที่เคลื่อนไหวไปมาได้ง่ายในสนาม และต้องเป็นรองเท้าที่ไม่ลื่น

การเดิน ควรเป็นรองเท้าที่ใส่ได้ทุกวัน เพื่อช่วยให้การเดินของเรานานขึ้น

การวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งบนลู่ หรือ นอกบ้าน เราก็ควรเลือกที่เหมาะกับเรา รองรับการกระแทกของข้อเท้า และไม่หนักจนเกินไป

ยังมีกีฬาอีกหลายประเภทที่ต้องใช้รองเท้าเฉพาะ เช่น ปีนเขา มวยปล้ำ หรือแม้แต่กีฬาทางน้ำ เป็นต้น
 

เมื่อเราเลือกประเภทการออกกำลังกายได้แล้ว ก็ถึงขั้นตอนการวัดเท้า

1.         นำกระดาษมาวางที่พื้นหนึ่งแผ่น กระดาษนั้นควรใหญ่กว่าเราเท้า ใช้กระดาษ A4 หรือหนังสือพิมพ์ก็ได้

2.         ทำให้เท้าเราเปียก และ ทาบลงบนกระดาษที่เราวางไว้

3.         ดูรอยเท้าของเราว่ามีลักษณะอย่างไร  ซึ่งรอยเท้านั้นแบ่งเป็น 3 ประเภทด้วยกัน

-          ฝ่าเท้าแบน หลังจากยกฝ่าเท้ามาแล้วเห็นว่าฝ่าเท้าของเราไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งใด ๆ เลย นั่นแปลว่าเป็นคนในกลุ่มOver Pronation โดยเมื่อวิ่งแล้วจะใช้งานส่วนของหัวแม่เท้าและส้นเท้าด้านนอกอย่างหนัก และเมื่อวิ่งด้วยความเร็ว เท้าและขามักจะวนเข้าด้านในโดยอัตโนมัติ ซึ่งเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่เท้าและสามารถเสียการทรงตัวได้ง่าย ดังนั้น เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บและเพิ่มสมรรถนะในการวิ่งของเรา คนฝ่าเท้าแบนควรเลือกรองเท้าแบบ Motion Control ซึ่งมีพื้นรองเท้าที่กว้างและหนักกว่าปกติ ซึ่งช่วยลดแรงกดทับและแรงกระแทกได้ และยังช่วยเรื่องการทรงตัวอีกด้วย

-         ฝ่าเท้าสูง  ลองมองดูฝ่าเท้าตัวเองแล้วพบว่ามีช่วงโค้งด้านในสูง หรือเมื่อเหยียบบนพื้นราบก็เห็นได้ว่ารอยเท้าแบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือช่วงปลายเท้าและช่วงส้นเท้าชัดเจน นั่นหมายถึงว่าเราเป็นคนมีฝ่าเท้าสูงซึ่งมีการวิ่งแบบ Under Pronation โดยจะใช้งานข้างเท้าด้านนอกอย่างหนัก พร้อมกับแกว่งเท้าออกไปด้านนอกขณะวิ่ง ซึ่งทำให้ระยะระหว่างเท้าลงสู่พื้น และเกิดแรงกระแทกจากพื้นมากกว่าประเภทอื่น ซึ่งเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากขาและเข่า ทั้งนี้ เพื่อลดความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น ควรเลือกรองเท้าแบบ Cushioned ซึ่งมีส่วนเสริมกลางฝ่าเท้าและพื้นเท้าที่ซับแรงได้ดีเป็นพิเศษ ช่วยลดแรงกระแทกจากการวิ่งและยังลดอาการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี

-    ฝ่าเท้าพอดี  คนส่วนใหญ่จะมีเท้าประเภทนี้ โดยดูจากส่วนโค้งของเท้าซึ่งค่อนข้างพอดี อยู่ระหว่างฝ่าเท้าแบนกับแบบฝ่าเท้าสูง หรือดูจากรอยเท้าที่ทั้งเท้าจะเชื่อมถึงหมดแต่มีส่วนโค้งมากกว่าแบบฝ่าเท้าแบนและไม่ขาดจากกันเหมือนฝ่าเท้าสูง คนที่มีฝ่าเท้าลักษณะนี้ควรเลือกรองเท้าแบบ Stablity ซึ่งไม่มีการเสริมด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ควรหลีกเลี่ยงรองเท้าแบบ Motion Control ที่มีพื้นรองเท้ากว้างและหนัก เพราะจะเพิ่มแรงกระแทกที่มีต่อขา ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บได้ง่าย
 

ถามคนขายเพื่อหารองเท้าที่เราต้องการ หรือ จะวัดขนาดอีกทีเพื่อความชัวร์ว่าเราใส่เบอร์อะไร

ลองหลายๆยี่ห้อและหลายๆรูปแบบ เพราะบางยี่ห้อแคบ บางยี่ห้อกว้าง แม้จะเป็นเบอร์เดียวกัน ลองไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอที่พอดีกับเรา เหมือนกับความรักนั่นแหละ แอบนอกเรื่องซะงั้น !

ใส่รองเท้านั้นเดินไปรอบๆร้าน แต่อย่าเผลอเดินออกจากร้านเชียว ไม่งั้นอาจโดนข้อหาลักทรัพย์เอาได้ง่ายๆ แล้วจะหาว่าไม่เตือนนะ ฮี่ๆ

เมื่อเราได้รองเท้าที่ถูกใจแล้ว ก็ไปออกกำลังกายกันเลย รับรองว่าเราจะออกกำลังกายได้นานขึ้นกว่าเดิมแน่ๆ