Monit เปิดตัวสมาร์ทวอทซ์รุ่นใหม่ เพื่อสายสุขภาพ และฟิตเนส เน้นการใช้งานที่ง่าย สะดวก แต่มาพร้อมฟังก์ชั่นที่ครอบคลุม ครบจบในเรื่องเดียว วันนี้ทีมงาน TSMACTIVE จะพาเพื่อนไปทำความรู้จักกับฟังก์ชั่นของ Monit Evo และ Monit Blaze โดยทั้ง 2 เรือนนี้ตอบโจทย์สายสุขภาพทั้งคุ่ แตกต่างเพียงดีไซน์เท่านั้น จะมีฟังก์ชั่นอะไรบ้างไปรับชมกันได้เลย
1. หน้าจอสีสดใส
ทั้ง 2 รุ่น Monit Evo และ Monit Blaze สามารถควบคุมได้ง่าย ด้วยระบบสัมผัสหน้าจอ (Touch Screen) สะดวกต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยเข้าเมนูและข้อมูลสุขภาพได้ง่ายๆ เมนูการใช้งานต่างๆไม่ซับซ้อน เข้าใจง่ายด้วยไอคอนที่บ่งบอกโหมด จึงเหมาะกับมือใหม่ และทุกเพศทุกวัย
- Monit Evo : หน้าปัดกลม (Retina HD ความละเอียด 390 x 390 Pixel) พร้อม 1 ปุ่ม ในรูปแบบเม็ดมะยมสำหรับหมุนดูข้อมูล และ 1 ปุ่มปกติ
- Monit Blaze : จอสีเเหลี่ยมพื้นผ้า (HD Display ควมคุมด้วยระบบสัมผัส) มีเพียง 1 ปุ่ม
ใครที่ชอบเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกา 2 รุ่นนี้สามารถเลือกเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งตัวเลขดิจิตอลและเข็มนาฬิกาแบบคลาสสิค ในเรื่องความแตกต่างจะมีเพียงการควบคุมในรุ่น Monit Evo ที่ได้เปรียบตรงที่ได้เพิ่มปุ่มเม็ดมะยม 1 ปุ่ม สำหรับหมุนเลื่อนดูข้อมูล และค้นหาเมนู แต่สำหรับคนที่ชอบระบบสัมผัสหน้าจอ ทั้ง 2 รุ่น สามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการกระตุกเวลาสัมผัสให้ได้เห็น
2. วัดความดันโลหิต
มาถึงไฮไลท์ของสมาร์ทวอทซ์ Monit ที่รองรับการวัดความดันโลหิตบนข้อมือด้วยเทคโนโลยี PPG+ECG สำหรับพกพาไปตรวจเช็คสุขภาพได้ทุกที่ทุกเวลา โดยข้อมูลการวัดความดันโลหิตจะแสดงผลได้ทั้งค่าความดันโลหิต และค่าล่าง รวมไปค่าบนในเมนูการวัดชีพจร แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าค่าที่แสดงผลบนอุปกณ์พกพาที่เป็นลักษณะนาฬิกา จะไม่สามารถใช้อ้างอิงในทางการแพทย์ได้ สามารถนำไปเป็นไอเดียเพื่อเห็นภาพรวมของสุขภาพ
- Monit Evo : มีโหมดวัดความดันโลหิต
- Monit Blaze : มีโหมดวัดความดันโลหิต
การใช้งานถือว่าง่ายมากๆ เพียงเข้าเมนูวัดความดัน สมาร์ทวอทซ์จะเริ่มทำจากตรวจวัดใหัอัตโนมัติจากเซ็นเซอร์ใต้ข้อมือเรา และแสดงเลขค่าความดันโลหิตให้เห็นมีหน้าปัด
3. วัดออกซิเจนในเลือด
อีกหนึ่งฟังก์ชั่นใหม่ ที่สมาร์ทวอทซ์สุขภาพรุ่นใหม่ๆต้องมีในสมัยนี้ คือ การวัดออกซิเจนในเลือด เพื่อนำไปประเมินสุขภาพ หรือเฝ้าระวังโรคต่างๆ โดยทั้ง 2 รุ่น ได้เพิ่มฟังก์ชั่นนี้เข้ามาไว้ให้ได้ใช้งาน ใช้เวลาตรวจวัดออกซิเจนในเลือดไม่นาน แสดงผลออกมาเป็นเปอร์เซนต์ ยิ่งมีค่าสูง 100% แสดงว่าร่างกายรับออกซิเจนได้เต็มที่นั้นเอง
- Monit Evo : มีโหมดวัดออกซิเจนในเลือด
- Monit Blaze : มีโหมดวัดออกซิเจนในเลือด
หลังจากที่ได้ลองใช้งานทั้ง 2 รุ่น เพื่อตรวจวัดวัดออกซิเจนในเลือด ถือว่ามีความรวดเร็วในเรื่องการตรวจวัดสูง แต่แนะนำให้ใส่นาฬิกาในแนบแน่นกับข้อมือมากที่สุด และอยู่นิ่งๆสักพัก เพื่อให้สมาร์ทวอทซ์ได้ตรวจวัดเพื่อได้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
4. วัดชีพจร
ฟังก์ชั่นพื้นฐานที่สายสุขภาพต้องได้ใช้งานในทุกๆวัน เพื่อตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ โดยใช้เทคโนโลยีจากเซ็นเซอร์ LED รุ่นใหม่ล่าสุด ทำให้ได้ค่าชีพจรที่แม่นยำสูงสุด รองรับการตรวจวัดได้ต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
- Monit Evo : วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้
- Monit Blaze : วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้
จะมีข้อแตกต่างกับเพียงเล็กน้อยของทั้ง 2 รุ่น ตรงที่รุ่น Blaze สามารถแสดงผลเป็นกราฟข้อมูล เมื่อมีการสวมใส่อย่างต่อเนื่อง สำหรับดูสถิติย้อนหลังได้สะดวกขึ้น โดยรุ่น Blaze จะแน้นการแสดงผลแบบ Real-Time
5. โหมดออกกำลังกาย
นอกจากเรื่องสุขภาพ สมาร์ทวอทซ์ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมโหมดออกกำลังกาย และฟิตเนส ให้ได้เลือกใช้งานกันแบบจุใจ โดยมีโหมดกีฬาพื้นฐานให้ครบถ้วน อาทิเช่น เดิน, วิ่ง, จักรยาน และอีกมากมาย เพื่อติดตามในช่วงออกกำลังกาย พร้อมข้อมูลเพื่อนำไปพัฒนาสุขภาพได้อย่างตรงเป้าหมาย
- Monit Evo : มีโหมดออกกำลังกาย
- Monit Blaze : มีโหมดออกกำลังกาย
ต้องบอกไว้ก่อนว่า 2 รุ่นนี้จะไม่มีระบบ GPS ในตัวเรือน เนื่องด้วยเป็นสมาร์ทวอทซ์ที่เน้นการใช้งานด้านสุขภาพ และฟิตเนส ถือว่าเป็นข้อดีที่ช่วยให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน โดยไม่เปลืองพลังงานแบตเตอรี่
6. ติดตามการนอนหลับ
รองรับการสวมใส่เพื่อติดตามคุณภาพการนอนหลับ สำหรับดูช่วงระยะเวลาการนอน เพื่อประเมินประสิทธิภาพการนอนหลับในช่วงค่ำคืน ทำให้รู้ถึงการพักผ่อนที่เพียงพอ รวมไปถึงเป็นข้อมูลที่สามารถนำไปปรับปรุงการนอน ทำให้ไม่อ่อนเพลียในระหว่างวัน
- Monit Evo : มีโหมดติดตามการนอนหลับ
- Monit Blaze : มีโหมดติดตามการนอนหลับ
จากที่ได้ทดลองใช้งานในโหมดติดตามการนอนหลับ แนะนำให้อัพเดทเฟิร์มแวร์สมาร์ทวอทซ์ก่อนใช้งาน โดยอัพเดทผ่านแอพที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทวอทซ์ (Blaze เชื่อมต่อกับ Qwatch Pro app และ Monit Evo เชื่อมต่อกับ WearPro app) เพื่อได้อัพเดทฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ล่าสุด
7. กันละอองน้ำได้
ทั้ง 2 รุ่น ได้รับมาตรฐาน IP68 ที่ป้องกันละอองน้ำ รองรับการสวมใส่ล้างมือ หรือใส่ลุยฝน โดยไม่จำเป็นต้องถอดนาฬิกาออกจากข้อมือ ทำให้สวมใส่ได้ต่อเนื่อง ตลอดทั้งวัน
- Monit Evo : มาตรฐานกันน้ำ IP68
- Monit Blaze : มาตรฐานกันน้ำ IP68
ด้วยความที่เป็นสมาร์ทวอทซ์สายสุขภาพ จึงไม่เหมาะกับการนำไปจุ่มน้ำโดยตรง หรือใช้งานในรูปแบบสมบุกสมบันอย่างการนำลงไปดำน้ำนั่นเอง ซึ่งมาตรฐาน IP68 สามารถตรวจโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำได้อย่างลงตัว
8. แบตเตอรี่
ต้องบอกไว้ก่อนเลย สมาร์ทวอทซ์ทั้ง 2 รุ่นนี้ สามารถใช้งานข้ามวันได้สบายๆ สำหรับติดตามสุขภาพ โดยไม่ต้องนำไปชาร์จทุกวันให้หงุดหงิดอีกต่อไป มาพร้อมแบตเตอรี่คุณภาพสูง ภายในกล่องมีสายชาร์จมาให้ เพื่อนำไปเชื่อมต่ออะแดปเตอร์สมาร์ทโฟนเพื่อชาร์จไฟ
- Monit Evo : ใช้งานได้สูงสุด 5 วัน
- Monit Blaze : ใช้งานได้สูงสุด 7- 14วัน
สำหรับรุ่น Blaze จะได้เปรียบตรงที่สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า เนื่องด้วยรุ่น Evo แสดงสีสันได้มากกว่า รวมไปถึงขนาดหน้าจอแสดงที่ใหญ่กว่า จึงทำให้ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่น้อยกว่ารุ่น Blaze
สรุป
สรุปปิดจบในช่วงท้ายนี้ ระหว่าง Monit Evo และ Monit Blaze ถือว่าครบจบเลือกสุขภาพทั้งคู่ จะมีความแตกต่างในด้านดีไซน์ และรูปแบบการใช้งานเล็กน้อย โดยรุ่น Evo จะเน้นการใช้งานที่เรียบง่าย เหมาะกับผู้ชายที่ชอบเรื่องเทคโนโลยี และการแสดงผลที่สวยงามดูทันสมัย ส่วนรุ่น Blaze ลักษณะการใช้งานจะเน้นในรูปแบบอเนกประสงค์ ที่มีเกม หรือฟังก์ชั่นเครื่องคิดเลขให้ได้ใช้งาน จึงเหมาะกับวัยรุ่น หรือผู้ต้องการเพื่มสีสันให้กับไลฟ์สไตล์