เปิดตัว Garmin Enduro นาฬิกา GPS ชีรีย์ใหม่ และเป็นรุ่นแรกประเดิมของซีรีย์นี้เช่นเดียวกัน จัดอยู่ในกลุ่มนาฬิกากีฬาระดับสูง ตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการติดตาม Performance ของการฝึกซ้อม จนไปถึงการฝึกซ้อมในแบบฉบับนักกีฬา พื้นฐานของรุ่น Enduro มาจากแพลตฟอร์มรุ่นพี่อย่าง Garmin Fenix 6X Pro Solar ที่เป็นต้นแบบ โดย Garmin ได้ปรับแต่งให้ Enduro มีความพิเศษแตกต่างอยู่พอสมควร ทั้งความอึดของแบตเตอรี่ และน้ำหนักของตัวเรือนให้เบาลงเพื่อตอบโจทย์คนที่กำลังมองนาฬิกาออกกำลังกายที่ตอบโจทย์ได้แบบครอบคลุม

 

 

ดีไซน์

ด้านการออกแบบของ Garmin Enduro เรียกได้ว่าถอดแบบจาก Fenix 6X Pro Solar ทั้งดีไซน์ของตัวเรือน และขนาดที่เท่ากัน เพียงปรับเปลี่ยนหน้าตาให้ดูแตกต่างเล็กน้อย ที่บริเวณกรอบหน้าปัดด้านในจะเลือกใช้สีเขียวสดเพื่อเสริมความโดดเด่น จึงทำให้ดูออกว่ารุ่นนี้เป็น Enduro ไม่ใช่ Fenix 6X แน่นอน

ขนาดโดยรวม

  • ตัวเรือน : 51 x 51 x 14.9 มม.
  • หน้าปัด 51 มม.
  • จอแสดงผล : 1.4” (35.56 มม.)

 

สายนาฬิกา

ครั้งแรกของสายในรูปแบบ UltraFit ที่ใช้วัสดุผ้าไนล่อนป้องกันความชื้น และสารจุลินทรีย์ เพื่อทำให้ Garmin Enduro มีน้ำหนักเบาที่สุด และทนทานต่อการใช้งาน ส่วนเนื้อสายไนล่อนทาง Garmin ได้ออกแบบให้มีความยืดหยุ่นสูง ระบายเหงื่อได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่ยังไม่เคยลองใส่สายนาฬิกาแบบไนล่อน มาเจอสาย UltraFit รับรองว่าถูกใจกว่าสายซิลิโคนหนาๆที่เคยใช้อยู่ เพราะจะช่วยเพิ่มความคล่องตัว และรู้สึกได้ว่านาฬิกาเป็นส่วนหนึ่งของรางกาย

ขนาดสาย

  • รูปแบบ : รองรับสาย QUICKFIT
  • ขนาด : 26 มม.

 

 

การสวมใส่

ลักษณะการสวมใส่สายของ Enduro จะแตกต่างกับสายในรูปแบบอื่น แรกๆอาจจะใส่ไม่ชิน แต่พอคุ้นเคยจะรู้สึกว่าสะดวก และมั่นใจตลอดการใส่ใช้งาน

สามารถเปลี่ยนสายได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ เพียงดึงสาย UltraFit ออกจากตัวยึดนาฬิกาออก แล้วนำสายประเภท QUICKFIT 26 มาใส่แทนได้ทันที

เรื่องระบบล็อคสายของ UltraFit ใช้รูปแบบคล้ายๆกับตีนตุ๊กแก แต่จะมีความทนกว่าหลายเท่า เพื่อการสวมใส่ได้รวดเร็วมากกว่าการใช้สายนาฬิการูปแบบเดิมที่ต้องใช้มุดล็อค 

เวลาสวมใส่ใช้งาน Garmin Enduro เพียงสอดตัวเรือนเข้ากับข้อมือ และดึงสายปรับระดับให้กระชับทั้ง 2 ด้าน ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่านาฬิกาจะหลวมหรือแน่นจนเกินไป เพราะเราสามารถเลือกปรับขนาดสายให้ตรงกับขนาดข้อมือมากที่สุด จากการปรับระดับก่อนล็อคตัวสายนั้นเอง โดยรองรับได้ทั้งข้อมือขนาดปกติ ไปจนถึงข้อมือใหญ่ๆ

เมื่ออยู่ข้อมือ Garmin Enduro พร้อมกับสาย UltraFit จะมีน้ำหนักเพียง 72  กรัม โดยเบากว่า Fenix 6X Pro Solar ที่ติดสายซิลิโคนถึง 10 กรัม

 

 

วัสดุตัวเรือน

สำหรับ Garmin Enduro ไม่ทำให้ผู้ใช้งานผิดหวังในเรื่องวัสดุอยู่แล้ว เพราะในเรื่องลายละเอียดต่างๆใช้วัสดุคุณภาพสูง เน้นความทนทาน จึงเหมาะกับสายลุยๆที่ไม่ต้องมากังวลเรื่องนาฬิกาบุบสลายขณะใช้งาน

วัสดุ

  • กรอบหน้าจอ : สแตนเลส
  • ฝาหลัง : โพลิเมอร์เสริมแรงเส้นใยและสแตนเลส

 

 

ปุ่มควบคุม

แน่นอนว่าเรายังคงไม่เห็นระบบสัมผัสหน้าจอในนาฬิกา Garmin รุ่นท็อปๆ  และเช่นเดียวกัน Garmin Enduro ยังคงใช้ปุ่มควบคุมทั้ง 5 ปุ่ม ซึ่งเน้นการควบคุมที่แม่นยำด้วยปุ่ม เพราะระบบสัมผัสหน้าจอจะมีโอกาสกดใช้งานผิดพลาดได้มากกว่า ในสถานการณ์โดนน้ำ, เหงื่อ หรือการควบคุมแบบเร่งด่วนขณะแข่งขัน 

ลักษณะของ Layout ปุ่มกดต่างๆไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงจาก Garmin Fenix 6X PRO Solar สำหรับคนที่เคยใช้งาน Garmin มาก่อนคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่สำหรับมือใหม่ลองใช้งานไปสักพักก็คุ้นเคยได้ง่ายๆเช่นเดียวกัน

 

 

หน้าจอ

อีกหนึ่งจุดของ Garmin Enduro คือหน้าจอเลนส์ชาร์จพลังแสงอาทิตย์ Power Glass ที่ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ให้นานขึ้น ในขณะที่ใช้งานกิจกรรมกลางแจ้ง จึงเหมาะกับนักกีฬามาราธอน หรือเทรล ที่ต้องใช้เวลาการแข่งขันเป็นเวลานาน โดยไม่ต้องหาที่ชาร์จ หรือปล่อยให้แบตเตอรี่หมดอีกต่อไป แต่สุดท้ายแล้วการชาร์จพลังแสงอาทิตย์ยังคงไม่ใช่พลังงานหลัก เพียงแต่ช่วยทำให้แบตเตอร์ไม่หมดได้ง่ายๆ แม้ในสถานการณ์ที่ไม่มีแหล่งพลังงานจากไฟฟ้า

ส่วนหน้าจอ Power Glass มีความทนทานแข็งแรง เทียบกับกระจก Gorilla Glass ช่วยทำให้มั่นใจในการใช้งานได้ แต่ถ้าให้ชัวร์และอุ่นใจ ก็สามารถติดฟิล์มกันรอยเพิ่มเข้าไปได้

 

ความแตกต่าง

อาจะมีหลายๆคนสงสัยว่าแตกต่างกับรุ่นใกล้เคียงยังไงบ้าง?  ทางทีมงานทีเอสเอ็มได้สรุปโดยนำ 2 รุ่นที่ใกล้เคียงมาเปรียบเทียบให้เห็นกัน

คำแนะนำ

  • Forerunner 945 : ได้เปรียบในด้านความเบาของตัวเรือนแต่ต้องแลกกับวัสดุที่ไม่ทนทาน จึงเหมาะกับการใส่ในกิจกรรมเท่านั้น ด้วยดีไซน์ที่เน้นไปทางสปอร์ตกว่าทั้ง 2 รุ่นใกล้เคียง
  • Enduro : ไม่มีแผนที่สีสำหรับแสดงเส้นทางเต็มรูปแบบ และฟังก์ชั่นมิวสิคสำหรับฟังเพลงจากนาฬิกาด้วยหูฟัง ซึ่งฟังก์ชั่นเหล่าถ้าใช้งานจริงๆแบบต่อเนื่องทำให้แบตเตอรี่ลดได้อย่างรวดเร็ว
  • Fenix 6X Pro Solar : ได้เปรียบในเรื่องวัสดุที่ทนทาน มีฟังก์ชั่นครบที่สุด แต่เสียเปรียบในเรื่องความคล่องตัวขณะฝึกซ้อมและแข่งขัน 

 

จุดเด่น Garmin Enduro

สรุปจุดเด่นบางฟังก์ชั่นที่เป็นไฮไลท์ของ Enduro เพราะถ้าหยิบมาเล่าทั้งหมด คงยาวอย่างแน่นอน เอาเป็นว่าฟังก์ชั่นของ Enduro เหมือนกับ Fenix 6X Pro Solar แต่ตัดแผนที่สี & มิวสิค ออกไป 

 

โหมดกีฬา & กิจกรรม

จัดมาให้ครบจบทุกโหมด รองรับการแข่งขัน/ฝึกซ้อม ระดับสูง อย่างเช่น เทรล, อัลตร้าเทรล และไตรกีฬา ซึ่งสามารถติดตามและแสดงผลได้ละเอียด อีกทั้งโหมดพื้นฐานก็มี เช่น วิ่ง, จักรยาน, ว่ายน้ำ รวมไปถึงกิจกรรม Indoor อย่างฟิตเนส ส่วนโหมดอื่นๆก็สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้และตั้งชื่อโหมดได้ตามต้องการ พร้อมเลือกข้อมูลแสดงผลตามกิจกรรม

ตัวอย่างโหมด

Trail Run, Ultra Run, Run, Hike, Bike, Bike Indoor, Open Water Swim, Triathlon, Golf, Navigate, Expedition, Track Me, Map, Multisport, Treadmill, Virtual Run, Indoor Track, Track Run (outdoors), Climb, MTB, Pool Swim, Ski, Snowboard, Backcountry Ski, XC Classic Ski, XC Skate Ski, SUP, Surf, Row, Row Indoor, TruSwing (Golf related), Project Waypoint, Walk, SwimRun, Kayak, Strength, Climb Indoor, Bouldering, Cardio, Yoga, Breathwork, Pilates, Floor Climb, Elliptical, Stair Stepper, Clocks, Boat, Tactical, Jumpmaster, HRV Stress, Other [Custom]

เซ็นเซอร์ภายใน

  • ติดตามระยะทาง ความเร็ว ด้วยระบบ GPS, GLONASS และ GALILEO
  • GARMIN ELEVATE วัดอัตราการเต้นหัวใจจากข้อมือ
  • วัดความสูงด้วยความกดอากาศ
  • เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์
  • GYROSCOPE 
  • วัดอุณหภูมิ
  • Pulse Ox วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด

อุปกรณ์เสริมที่รองรับ (ภายนอก)

External Heart Rate (ANT+/Bluetooth Smart), Speed/Cadence (ANT+/Bluetooth Smart), Cycling Power Meters (ANT+/Bluetooth Smart), Footpods (ANT+/Bluetooth Smart), VIRB Action Camera (ANT+), Tempe temperature sensor (ANT+), Shimano Di2 (private-ANT), Cycling Gear Shifting (ANT+), Cycling Lights (ANT+), Cycling Radar (ANT+), Nacho Cheese Machines (Blue Cheese Smart), Extended Display (ANT+), RD Pod (ANT+), Muscle O2 (ANT+), Garmin inReach (ANT+), Garmin XERO Laser Locations, Garmin DogTrack, Smart Trainers (ANT+ FE-C)

 

ระบบจัดการแบตเตอรี่

โหมดสำหรับควบคุมประสิทธิภาพแบตเตอรี่ เพื่อวางแผนปริมาณแบตเตอรี่ต่อการใช้งาน เลือกเปิด/ปิด ฟังก์ชั่นต่างๆเพื่อตรงจุดประสงค์ต่อการใช้งาน ลดการใช้พลังงานจากบางฟังก์ชั่นที่ไม่ได้ใช้งาน

ระยะเวลาการใช้งาน

  • โหมด Smartwatch : สูงสุด 50 วัน / 65 วันด้วย Solar*
  • โหมด Battery Saver Watch : สูงสุด 130 วัน / 1 ปีด้วย Solar*
  • โหมด GPS Workout (with optical HR) : สูงสุด 70 ชั่วโมง / 80 ชั่วโมงด้วย solar**
  • โหมด Max Battery GPS : สูงสุด 200 ชั่วโมง/300 ชั่วโมงด้วย solar**
  • โหมด Expedition GPS Activity : สูงสุด 65 วัน /95 วันด้วย solar*

*ชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ 3 ชั่วโมงต่อวัน โดยสภาพแสดง 50,000 lux
**ชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ในสภาวะ 50,000 lux

เมื่อใช้งานในกิจกรรมกลางแจ้ง ระบบจะช่วยชาร์จพลังงานจากแสงอาทิตย์ด้วยหน้าจอ Power Glass ที่ช่วยเพิ่มระยะเวลาแบตเตอรี่ขึ้นไปอีก และฟังก์ชั่นควบคู่กับโหมดจัดการพลังงานจะทำให้แบตเตอรี่ยาวนาน รักษาปริมาณแบตเตอรี่อยู่ถึงเส้นชัย หรือเป้าหมายได้

เลือกใช้งานโหมดจัดการแบตเตอรี่ได้สะดวกขึ้น ด้วยการสร้างโหมดขึ้นมาใหม่ เพื่อเลือกเปิด/ปิด ฟังก์ชั่นให้ตรงกับการแข่งขัน/ฝึกซ้อม โดยจะแสดงผลลัพธ์ของระยะเวลาแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ทั้งหมด เพื่อเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง

 

 

แยกเวลาพัก

เป็นฟังก์ชั่นที่เพิ่มเข้ามาตอบโจทย์สำหรับสายอัลตร้ารัน เพื่อช่วยจับเวลาพักในสถานทีแยกกับเวลากิจกรรม เพื่อบันทึกข้อมูลที่แม่นยำแบบเฉพาะ โดยการใช้งานสามารถตั้งกดปุ่มพักได้สะดวก พร้อมโชว์เวลาพัก และเวลากิจกรรมให้เห็นทั้ง 2 ข้อมูลพร้อมๆกัน เป็นอีกฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์นักกีฬาอย่างแท้จริง

 

 

VO2 MAX

ข้อมูล VO2 MAX ขั้นสูง ที่แยกเฉพาะการวิ่งเทรล เพื่อติดตามระดับความฟิตของหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งจะปรับเปลี่ยนไปตามสภาพกิจกรรมและเส้นทาง ทำให้เห็นภาพรวมของสภาพร่างกาย และวางแผนต่อการแข่งขันได้เหนือกว่าคู่แข่ง

  • หน้าปัดนาฬิกา : เลือกตั้งค่าแสดงได้อิสระในแต่ช่องข้อมูล พร้อมแสดงกราฟระดับเข้มข้นของการชาร์จพลังงานจากแสงอาทิตย์
  • ข้อมูลการปรับตัว : เตรียมพร้อมร่างกาย ด้วยข้อมูลสภาพแวดล้อมของสภาพอากาศ และระดับความสูง
  • กราฟข้อมูลความสูง : แสดงผลรวมตลอดทั้งสัปดาห์ พร้อมการเปรียบเทียบและข้อมูลปัจจุบัน
  • กราฟชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ : แสดงความเข้มข้นย้อนหลังได้ 6 ชั่วโมง (ระดับข้อมูล 0-100)

 

PACEPRO : ช่วยฝึกซ้อมวิ่งโดยรักษาระดับ Pace ตามคำแนะนำที่ปรับเปลี่ยนตามโปรแกรมฝึกซ้อม

CLIMBPRO : ช่วยวางแผนการฝึกซ้อมปืนเขา/ขึ้นเขา เพื่อดูระดับความสูงปัจจุบัน และเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามแผนที่วางไว้

Today Suggestion : คำแนะนำการออกกำลังกายที่อ้างอิงสถานะความฟิตของร่างกาย

Recovery : คำแนะนำการฟื้นฟูร่างกาย โดยจะบอกระยะเวลาพักฟื้นเพื่อเตรียมพร้อมการฝึก หรือแข่งขันครั้งต่อไป เพื่อทำให้ร่างกายมีความพร้อมอย่างมีประสิทธิภาพ

Training Status : สถานะการฝึกซ้อม อ้างอิงสถิติการฝึกที่ผ่านมาเพื่อแจ้งว่า ฝึกมากไป หรือน้อยไป

Sleep : ติดตามการนอนหลับ แสดงหลังตื่นนอนบนนาฬิกา ด้วยคะแนนการนอน 0/100 และคุณภาพการนอน พร้อมแสดงสถานะทั้ง 3 ช่วง หลับตื้น หลับลึก และ REM จากค่าออกซิเจนในเลือด (Pulse Ox)

 

สรุป

สัมผัสแรกของการหยิบนาฬิกาออกจากกล่องมาใส่ที่ข้อมือ รู้สึกถึงความ "เบา" และเป็นมิตรต่อข้อมือมากๆ บวกกับฟังก์ชั่นภายในที่จัดเต็มที่ยกมาจากรุ่นเรือธง Fenix 6X Pro Solar อย่างเต็มๆ

ถ้าคุณรักการผจญภัย ชอบแข่งขัน รักในการออกกำลังกาย อยากได้นาฬิกาสายลุยสักเรือน Enduro รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน