รีวิว Insta360 GO 2 แอคชั่นแคมจิ๋ว ใช้ง่าย สะดวกด้วยระบบ AI
กล้อง Insta360 GO 2 กลับมาอีกครั้ง ขนาดเล็กจิ๋วเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความสามารถทวีคูณ ด้วยหน้าเลนส์มุมกว้างในรูปแบบ POV หรือ Ultra-Wide รับภาพมุม 120 องศา พร้อมเซ็นเซอร์คุณภาพสูงขนาด 1/2.3 นิ้ว ความละเอียดระดับสูงสุด 2K และโหมดการถ่ายภาพ/วิดีโอ ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกของการใช้งานให้ดูมีความน่าสนใจมากขึ้นมากกว่าการถ่ายบนสมาร์ทโฟนทั่วๆไป
จุดเด่น
ถ้าคิดว่าแอคชั่นแคมแบบ GoPro ดูยุ่งยากเกินไป หรือใช้สมาร์ทโฟนถ่ายแล้วต้องมากังวลในเรื่องแบตเตอรี่ ดังนั้นถ้ามีกล้องจิ๋วๆสักหนึ่งตัวเพื่อเก็บไว้ถ่ายภาพจึงเป็นเรื่องง่ายกว่า ทำให้เกิด Insta360 GO 2 สำหรับคนที่ต้องการอะไรที่ง่ายที่สุด เพื่อการบันทึกภาพ/วิดีโอ ในรูปแบบ SnapShot โดยใช้เวลาเตรียมตัวถ่ายน้อยที่สุด แต่ได้บันทึกช่วงเวลาประทับที่มากสุด
- ระบบกันสั่นในตัว
- ใช้งานในรูปแบบแฮนด์ฟรี
- รองรับการยึดติดกล้องกับวัตถุ
- เคสรองรับชาร์จไฟ, ควบคุม และขาตั้งกล้อง
- วิดีโอความละเอียดสูงสุด 2K 50fps
- กันน้ำ 4 เมตร ไม่ต้องใส่เคส
- ระบบ AI ตัดต่ออัตโมติ
- โหมดถ่ายระดับมือโปรฯ แต่ใช้งานง่าย
- ดูภาพผ่านสมาร์ทโฟน
ยึดติดได้แทบทุกที่
เอกลักษณ์ของ Insta360 GO 2 ที่แตกต่างกว่าแอคชั่นแคมรุ่นอื่นๆ คือ ระบบการยึดติดกล้องกับวัตถุที่ไม่เหมือนใคร โดยสามารถยึดติดกับเสื้อผ้าได้แน่นหนามั่นใจ ด้วย Magnet Pendant เพื่อการถ่ายทำในมุม POV พร้อมการควบคุมได้ง่ายๆ เพียงแตะที่ตัวกล้อง
สามาถนำไปกล้องไปติดให้กับน้องหมาได้แบบไม่เป็นภาระ ด้วยขนาดของกล้องมีความเล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบาเพียง 26.5 กรัม จึงทำให้ได้ภาพในมุมมองใหม่ๆที่ไม่ซ้ำใคร
สร้าง Vlog ในรถ แบบไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริมให้เยอะแยะ ด้วยการใช้งานแท่นยึด Pivot Stand เพียงตัวเดียวเท่านั้น (อุปกรณ์มีมาให้ในกล่อง) สามารถยึดติดกับกระจกได้สะดวก และสามารถปรับช่วงองศาเพื่อให้ได้มุมภาพตามที่ต้องการ
โหมดกล้องที่มือใหม่ก็ใช้เป็น
เห็นการเคลื่อนไหวแบบเร่งด่วน ด้วยโหมด Timelapse เพื่อบันทึกช่วงเวลาให้ย่อเหลือเป็นวิดีโอสั้นๆ และยังมีโหมด Nightlapse สำหรับช่วงเวลากลางคืน เพื่อปรับการรับแสงอัตโนมัติ และโหมดอื่นๆอีกมากมายอย่างเช่น
- โหมดถ่ายภาพ : Standard, Interval, Starlapse และ Night Shot
- โหมดวิดีโอ : Video (Basic stabilization), Pro Video (FlowState stabilization), HDR, Timelapse, TimeShift (Hyperlapse) และ Slow Motion
หมดห่วงเรื่องแบตหมด
Insta360 GO 2 ชาร์จแบตเตอรี่ยังไง? เพราะตัวกล้องไม่มีพอร์ตใดๆให้เชื่อมต่อ คำตอบนี้อยู่ที่ Charge Case ทำหน้าชาร์จพลังงานให้กับกล้องด้วยระบบแม่เหล็ก และยังเป็นเคสสำหรับเก็บกล้องให้เป็นระเบียบ หยิบใช้งานได้สะดวก
เพิ่มความล้ำไปอีกขั้นจากรุ่นก่อน จึงทำให้ GO 2 สามารถควบคุมการใช้งานผ่าน Charge Case โดยไม่ต้องง้อรีโมท ซึ่งดีไซน์เคสจะมีเพียง 2 ปุ่มกด ที่ทำหน้าที่ถ่าย และเปลี่ยนโหมด ส่วนในบริเวณด้านหลังเคส สามารถกางขาตั้งออกเพื่อตั้งถ่ายได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องให้คนอื่นมาช่วยถ่ายให้อีกต่อไป
กันสั่นขั้นแทพ (FlowState Stabilization)
บางครั้งถ่ายวิดีโอมาแล้วไม่ได้นำไปใช้งาน เพราะภาพในวิดีโอสั่นไหวดูไม่เรื่อง กลัวคนที่ดูจะปวดหัว ถ้าจะให้พกไม้กิมบอลไปด้วยก็ไม่สะดวก โดย Insta360 GO 2 ได้ตัดปัญหาเหล่านี้ออกไป ด้วยการใส่ระบบกันสั่น FlowState Stabilization ภายในกล้องขนาดจิ๋ว เพื่อช่วยให้ได้ภาพที่เคลื่อนไหวดูนุ่มนวลสบายตาแบบอาชีพโดยไม่ต้องใช้ไม้กันสั่นเข้ามาช่วยอีกต่อไป แม้จะทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหว อย่างเช่น เดิน, วิ่ง, ปั่นจักรยาน หรือกิจกรรมแอดแวนเจอร์
ถ่ายมุมไหนๆก็ไม่เอียง
ฟังก์ชั่น Horizon Lock ที่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ แต่กลับทำให้ได้วิดีโอดูเป็นมืออาชีพขึ้นแบบไม่ต้องกลับไปถ่ายใหม่ ด้วยระบบอัลกอริทึมที่ช่วยล็อคเส้นขอบฟ้าไว้ ทำให้กลับมาเป็นเส้นตรงอีกครั้ง
สโลโมชั่น (Slow-Mo)
เพิ่มช่วงเวลาประทับใจให้ช้าลง แม้เป็นเวลาสั้นๆ ด้วยฟังก์ชั่น Slow-Mo ที่ลื่นไหลเหมือนในภาพยนตร์ ปรับได้ถึง 4X ด้วยเฟรมเรท 120fps
HDR
ได้วิดีโอสีที่ถูกใจอย่างมือชีพ โดยไม่เสียเวลาเกรดสีผ่านโปรแกรม ด้วยโหมด HDR ดึงสีสันในส่วนที่สว่างเกินไป หรือมืดเกินไป ให้กลับมามีรายละเอียดสดใสอีกครั้ง
กันน้ำ
เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ แม้ไม่ได้นำกล้อง Insta360 GO 2 ลงไปถ่ายในน้ำก็ตาม แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเกิดเผลอทำกล้องตกลงน้ำ หรือทะเล ก็ยังอุ่นใจได้ว่าตัวกล้องกันน้ำได้ ด้วยมาตรฐาน IPX8 รองรับการกันน้ำได้ลึกสูงสุด 4 เมตร โดยไม่ต้องเสียเวลาใส่เคสกันน้ำอีกต่อไป
ภาพใต้น้ำที่สมจริง
ส่วนมากการถ่ายใต้น้ำวิดีโอจะไม่ค่อยมีสีสัน หรือสีสันไม่สดใส ซึ่งถือว่ายากในเรื่องการปรับแต่งสีในภายหลัง แต่สำหรับ Insta360 GO 2 ได้เพิ่มโหมด AquaVision คิดค้นเพื่อนักดำอย่างแท้จริง ด้วยอัลกอริทึมที่เข้ามาช่วยปรับสีให้สมจริง และสดใสกว่าเดิมตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ไม่ต้องเสียเวลาตัดต่อ (Auto Editing)
จบทริปท่องเที่ยวทีไร วิดีโอที่ถ่ายมาเยอะเยะไปหมด ไม่รู้จะเริ่มตัดต่อยังไง หรือใช้วิดีโอคลิปไหนอัพโหลดขึ้นสู่โลกโซเชียล แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วยฟังก์ชั่น Auto Editing เพียงแค่โยน Footage วิดีโอที่ถ่ายมาจากกล้อง Insta360 GO 2 เข้าสู่สมาร์ทโฟนด้วย Insta360 app แบบไร้สาย ใช้ฟังก์ชั่น FlashCut 2.0 เพื่อเลือกเทมเพลตวิดีโอที่ชอบ หลังจากนั้นระบบ AI จะเข้ามาจัดการโดยนำ Footage ที่เลือกมารวบรวม และตัดต่อเป็นเรื่องราวให้อัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีสกิลในการตัดต่อก็สามารถใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้อย่างง่ายๆ
แสงแดดจ้า ภาพสว่างเกินไป ?
เห็นกล้องจิ๋วๆแบบนี้ แต่รองรับ ND Filter และใครที่สงสัยว่า ND Filter คืออะไร? มีความสำคัญยังไง? ถ้าให้อธิบายง่ายๆ เวลาเราไปถ่ายวิวที่มีแสงอาทิตย์เป็นพื้นหลัง อย่างเช่น วิวทะเล ภูเขาสวยๆ แต่กลับได้ภาพที่มีความสว่างจ้าเกินไปไม่เห็นรายละเอียดของท้องฟ้า และนำไปใช้งานไม่ได้ ทางแก้ง่ายๆเพียงใส่ ND Filter เพื่อช่วยลดการรับแสงลง ทำให้ได้สีสันและคอนทราสที่สมดุลเหมือนกับที่ตาเห็น โดย ND Filter จะมีจำหน่ายแยกสำหรับหน้าเลนส์ของ Insta360 GO 2 โดยเฉพาะ มีให้เลือกถึง 4 stops (ND8 / ND16 ND32/ ND64)
สรุป
Insta360 GO 2 ถือว่าเป็นกล้องที่มีความอเนกประสงค์ที่ลงตัว ด้วยขนาดที่เล็กจิ๋ว แต่กลับได้ผลงานภาพถ่าย และวิดีโอที่ดูมีความน่าสนใจ โดยผู้ใช้งานไม่ต้องออกแรงเรียนรู้เกี่ยวกับสกิลเกี่ยวกับการถ่ายทำ หรือตัดต่ออย่างจริงจัง โดยให้ระบบ AI เข้ามาทำงานแทนที่ จึงทำให้การท่องเที่ยว หรืองานสร้างคอนเทนต์มีความลงตัวและสนุกมากขึ้น