นาฬิกาสายพันธุ์แกร่ง COROS เพื่อคนไทย (รองรับภาษไทย) โดดเด่นในเรื่องกีฬากลางแจ้ง สร้างชื่อเสียงจากเป็นที่รู้จักของคนไทยหลากรุ่น อย่างเช่น Pace 2 และรุ่น APEX ที่มีนักวิ่ง Ultra "Camile Herron" ใช้วิ่งตลอด 24 ชม. โดยทำลายสถิติโลก แต่แบตเตอรี่ APEX ยังเหลือเกือบครึ่ง และยังได้รับรางวัล "Editor's Choice" จากนิตยสาร "Runner's World" วันนี้ เรา TSMACTIVE จะพาเพื่อนๆ ไปชมรายละเอียดของนาฬิกา COROS ทุกรุ่น และฟังก์ชั่นการใช้งานแบบเจาะลึก!
PACE 2
Coros Pace 2 ยกให้นาฬิกาวิ่งอีกหนึ่งเรือนที่ถูกใจสายวิ่ง โดยในรีวิวนี้จะพูดถึงคุณสมบัติที่สำคัญของนาฬิกา และทำไมนาฬิกาเรือนนี้จึงเป็นคู่แข่งอันดับต้นๆของนาฬิกา Garmin บอกได้เลยว่านาฬิกาเรือนนี้ได้สร้างประทับใจในการใช้งานอยู่มากมาย
วัสดุ
- ขอบหน้าปัดวัสดุโพลีเมอร์เสริมไฟเบอร์ (Fiber Reinforced Polymer)
- ตัวเรือนวัสดุโพลีเมอร์เสริมไฟเบอร์ (Fiber Reinforced Polymer)
- กระจกหน้าปัด Corning® Gorilla Glass
- ระบบเม็ดมะยม Signature ไม่เหมือนใครสไตล์ COROS ใช้ง่ายด้วยมือเดียว
แบตเตอรี่
- 30 ชม. ในโหมด Full GPS
- 60 ชม. ในโหมด UltraMax
- 20 วัน ในโหมด Standby
ระบบ
- กันน้ำลึก 50 เมตร
- Optical HR
- Barometric Altimeter
- Accelerometer
- Gyroscope
- Compass
- รองรับการใช้ Power Meter ร่วมหรือไม่ร่วมกับ Stryd ก็ได้
- รองรับการตั้งแผนการฝึกได้เองผ่านแอป Coros
สรุป
นาฬิกาน้องคนสุดท้อง ที่จิ๋วแต่แจ๋ว เป็นเล็กพริกขี้หนู หากใครกำลังมองหา นาฬิกา GPS ที่เบาทั้งน้ำหนักตัวและค่าตัว ต้อง PACE 2 เท่านั้น ทุกอย่างออกแบบมาให้เบา ทั้งในมุมของวัสดุที่ใช้ทำตัวเรือนและขอบจอ ที่ผลิตจากโพลีเมอร์เสริมไฟเบอร์ (Fiber Reinforced Polymer) ที่ทั้งแข็งแรง ทนทาน แต่เบา สายรัดข้อมือที่มีออปชั่นให้เลือกทั้งสายซิลิโคนทั่วไป หรือสายไนล่อน (สายนาโต้) ที่ยิ่งทำให้น้ำหนักตัวเบาเหลือแค่ 29g! กลายเป็นนาฬิกา GPS ที่เบาที่สุดในโลกไปแล้ว อย่างเดียวที่ไม่เบา คือ Features ทั้งหลายที่ COROS ไม่เคยหวง อัดลงมาเต็มกำลัง Barometer Altimeter ก็ยังอยู่ ตัดออกเพียงสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับสายถนน เพื่อทำให้นน.ตัวเบาที่สุด (ไม่มี SpO2 / ไม่มี Touch Screen / ไม่มีโหมด Altitude / ไม่มีโหมดนำทาง Breadcrumb Navi. / ไม่มีโหมดนำทางกลับจุดเริ่มต้น Back-To-Start Navi) ออกแบบมาให้นักวิ่งสายถนน นักวิ่งมาราธอน นักวิ่งสายยิม
สั่งซื้อ COROS Pace 2 (ประกันศูนย์ไทย 2 ปี)
APEX 46/42mm
COROS APEX เป็นนาฬิกามัลติสปอร์ต GPS ที่มีกำเนิดมาเพื่อการวิ่งทางไกล และการวิ่งมาราธอน โดยเปิดตัวเปิดตัวรุ่นแรกในปี 2018 และได้กลายเป็นนาฬิกามัลติสปอร์ที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานที่สุด เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับรุ่นจากแบรนด์อื่นที่คล้ายคลึงกัน จึงทำให้ COROS APEX กลายเป็นนาฬิกาที่นักกีฬาชื่นชอบมาโดยตลอด
วัสดุ - 46/42
- ขอบหน้าปัดวัสดุไทเทเนียม (Titanium) / เสตนเลสสตีล (S.Steel)
- ตัวเรือนวัสดุอลูมิเนียม (Aluminum)
- กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ (Sapphire glass)
- ระบบเม็ดมะยม Signature ไม่เหมือนใครสไตล์ COROS ใช้ง่ายด้วยมือเดียว
แบตเตอรี่ - 46/42
- 35 / 25 ชม. ในโหมด Full GPS
- 100 / 80 ชม. ในโหมด UltraMax
- 30 / 24 วัน ในโหมด Standby
ระบบ
- กันน้ำลึก 100 เมตร
- ระบบนำทาง Breadcrumb Navigation
- สามารถนำทางกลับจุดเริ่มต้นได้ (Back-to-Start Navigation)
สำหรับ APEX 46/42mm จะแตกต่างที่ความกว้างหน้าจอและวัสดุ
46 mm
- หน้าปัด 46mm เหมาะกับผู้ชาย หรือคนที่ข้อมือขนาดทั่วๆไป
- วัสดุขอบจอ (Bezel) ทำจาก Titanium
42 mm
- หน้าปัด 42mm เหมาะกับผู้หญิง หรือคนที่ข้อมือขนาดค่อนข้างเล็ก
- วัสดุขอบจอ (Bezel) ทำจาก Stainless Steel
สรุป
นาฬิกาลูกคนกลาง ที่คุ้มราคาค่าตัวที่สุด เพราะอัดเอาทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับนักกีฬาหนึ่งคนพึงจะรู้ และพึงจะได้ อย่าเห็นว่าเป็นรุ่นกลาง เพราะอัดมาด้วย Barometer Altimeter (เซนเซอร์ตรวจจับระยะ/ความชัน ผ่านแรงดันอากาศ) ซึ่งมักพบแต่ในนาฬิการุ่นท็อป หรือการใช้ Running Power ซึ่งเป็นเมทริกมิติใหม่ของวงการวิ่ง ได้โดยตรงจากข้อมือ (หรือใช้ร่วมกับ Stryd) อีกทั้งยังสามารถสร้างโปรแกรมการฝึกแบบ custom ได้เองอีกด้วย Features ทั้งหมดนี้ อัดมาด้วยสนนราคาค่าตัวที่จับต้องได้
สั่งซื้อ COROS APEX 42mm 46mm (ประกันศูนย์ไทย 2 ปี)
APEX PRO
APEX PRO นาฬิกา GPS มัลติสปอร์ตที่ได้รับการอัพเกรด เพื่อตอบโจทย์นักกีฬาที่ชอบการแข่งขัน และได้เอัพเกรดฟังก์ชั่นอีกมากมาย เช่น หน้าจอระบบสัมผัสที่ การวัดออกซิเจนในเลือด และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้น
วัสดุ
- ขอบหน้าปัดวัสดุไทเทเนียม (Titanium)
- ตัวเรือนวัสดุอลูมิเนียม (Aluminum)
- กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ (Sapphire glass)
- หน้าจอทัชสกรีน (Touch Screen)
- ระบบเม็ดมะยม Signature ไม่เหมือนใครสไตล์ COROS ใช้ง่ายด้วยมือเดียว
แบตเตอรี่
- 40 ชม. ในโหมด Full GPS
- 100 ชม. ในโหมด UltraMax
- 30 วัน ในโหมด Standby
ระบบ
- ระบบเฝ้าระวังระดับออกซิเจนในกระแสเลือดแบบ 24 ชม. (24/7 - SpO2 Monitoring)
- พร้อมระบบเตือนการปรับตัวกับความกดอากาศรอบตัว
- กันน้ำลึก 100 เมตร
- ระบบนำทาง Breadcrumb Navigation
- สามารถนำทางกลับจุดเริ่มต้นได้ (Back-to-Start Navigation)
สรุป
นาฬิการุ่นท๊อป ที่อาจไม่สมบุกสมบันเท่ารุ่นพี่ใหญ่ VERTIX ในแง่วัสดุตัวเรือน แต่อัด Features ทุกอย่างที่ VERTIX มี ออกแบบมาให้นักวิ่ง Ultra-Trail สายป่าหรือนักกีฬา Endurance ระยะไกลสาย Hardcore
สั่งซื้อ COROS APEX PRO (ประกันศูนย์ไทย 2 ปี)
VERTIX
VERTIX นับเป็นท็อปสุดของ Coros แต่ถ้าแบรนด์ได้เปิดตัวรุ่นใหม่อย่าง VERTIX 2 ที่อัพเกรดฟังก์ชั่นการใช้งานให้เข้ากับยุคสมัย แต่สำหรับ VERTIX คงยังน่าใช้งานอยู่เช่นเคย ด้วยราคาที่จับต้องได้ บวกกับฟังก์ชั่นที่คัดมาเพื่อคนรักออกกำลังกายอย่างแท้จริง
วัสดุ
- ขอบหน้าปัดวัสดุไทเทเนียม (Titanium)
- ตัวเรือนวัสดุไทเทเนียม (Titanium)
- กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ (Diamond-Like Coating Sapphire glass)
- หน้าจอทัชสกรีน (Touch Screen)
- ระบบเม็ดมะยม Signature ไม่เหมือนใครสไตล์ COROS ใช้ง่ายด้วยมือเดียว
แบตเตอรี่
- 60 ชม. ในโหมด Full GPS
- 150 ชม. ในโหมด UltraMax
- 45 วัน ในโหมด Standby
ระบบ
- ระบบเฝ้าระวังระดับออกซิเจนในกระแสเลือดแบบ 24 ชม. (24/7 - SpO2 Monitoring)
- พร้อมระบบเตือนการปรับตัวกับความกดอากาศรอบตัว
- กันน้ำลึก 150 เมตร
- ระบบนำทาง Breadcrumb Navigation
- สามารถนำทางกลับจุดเริ่มต้นได้ (Back-to-Start Navigation)
สำหรับ VERTIX ได้เพิ่ม 2 สี Limited
- Ice Breaker : สเปคทุกอย่างเหมือนสมาชิกคนอื่นในครอบครัว VERTIX ยกเว้นตัวเรือนที่ทำจากวัสดุไฟเบอร์โปร่งแสง (Translucent Fiber Frame) ทำให้เราเห็นกลไกการทำงานด้านในของตัวเรือน
- Space Traveler : รุ่นลิมิเต็ดที่เหมือนสี Dark Rock ทุกประการ ยกเว้นตัวเรือนที่ทำลวดลายท้องฟ้าในอวกาศ กับดวงดาวประกายยามค่ำคืน มาพร้อมกับสายแบบไนล่อนแบบใหม่ ที่มีน้ำหนักเบากว่าสายซิลิโคน
สรุป
นาฬิการุ่นพี่ใหญ่ ที่อัด Features ทุกอย่างที่ COROS จะคิดได้ ออกแบบมาให้นักเดินทางและนักสำรวจ หรือนักปีนเขาสายเอ็กซ์ตรีมในสภาพอากาศแบบสุดขั้ว เหมาะกับนักวิ่ง Ultra-Trail สายป่าหรือนักกีฬาสาย Endurance ระยะไกล
สั่งซื้อ COROS VERTIX (ประกันศูนย์ไทย 2 ปี)
VERTIX 2
VERTIX 2 จัดเต็มที่ฟังก์ชั่นเท่าที่ Coros จะใส่ได้มาได้ทั้งหมด อัพเกรดเทคโนโลยีใหม่ ให้ทันสมัยกว่าแบรนด์อื่นๆ โดยได้เดินทางถึงรุ่นที่ 2 แล้ว ดีไซน์ของตัวเรือนมีความใกล้เคียงกับรุ่นแรก แต่ภายในบอกเลยไม่ธรรมดา
รายละเอียด
- ขนาดหน้าจอแสดงผล 1.4 in. 280 x 280 (64 colors)
- ขอบหน้าปัดวัสดุไทเทเนียม ( Grade 5 Titanium Alloy)
- วัสดุฝาหลังไทเทเนียม ( Titanium Alloy with PVD coating)
- กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์ (Diamond-Like Coating Sapphire glass)
- หน้าจอทัชสกรีน (Touch Screen Always-On Memory LCD)
- ระบบเม็ดมะยม Signature ไม่เหมือนใครสไตล์ COROS ใช้ง่ายด้วยมือเดียว
- วัสดุสายข้อมือ (Silicone/Nylon)
- ขนาดสาย 26mm Quick Fit Band
- พื้นที่หน่วยความจำ 32 GB
แบตเตอรี่
- 140 ชม. ในโหมด Full GPS
- 90 ชม. ในโหมด All Systems On
- 50 ชม. ในโหมด All Systems On + Dual Freq. On
- 240 ชม. ในโหมด UltraMax
- 60 วัน ในโหมด Standby
ระบบ
- ระบบสัญญาณดาวเทียมแบบคลื่นความถี่คู่ (Dual-Frequency Satellite Systems)
- แผนที่แบบ Offline พร้อมแผนที่ภูมิประเทศ (Topo) และแบบไฮบริด (Hybrid)
- ระบบวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ECG สามารถหาค่าความแปรผันของหัวใจได้ (HRV)
- ระบบเฝ้าระวังระดับออกซิเจนในกระแสเลือดแบบ 24 ชม. (24/7 - SpO2 Monitoring)
- พร้อมระบบเตือนการปรับตัวกับความกดอากาศรอบตัว
- กันน้ำลึก 100 เมตร
- ระบบนำทาง Breadcrumb Navigation
- สามารถนำทางกลับจุดเริ่มต้นได้ (Back-to-Start Navigation)
- ฟีเจอร์ฟังเพลง เก็บเพลงในเครื่องเพื่อฟัง Offline ได้
- ระบบเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้
- ควบคุมกล้อง Insta360™ ได้จากหน้าจอนาฬิกา
สรุป
นาฬิการุ่นพี่ใหญ่เวอร์ชั่นที่ 2 ที่อัด Features มาแบบอัดแน่นเกินราคา ออกแบบมาให้นักเดินทางและนักสำรวจ หรือนักปีนเขาสายเอ็กซ์ตรีมในสภาพอากาศแบบสุดขั้ว เหมาะกับนักวิ่ง Ultra-Trail สายป่าหรือนักกีฬาสาย Endurance ระยะไกล
สั่งซื้อ COROS VERTIX 2 (ประกันศูนย์ไทย 2 ปี)
ตารางเปรียบ COROS ทุกรุ่น
1. การควบคุม
1.1 ใช้ง่ายด้วยปุ่มเม็ดมะยม (Digital Dial)
การกลับมาของเม็ดมะยม เพื่อนาฬิกาสาย Performance ควบคุมได้ง่ายเป็นสิ่งจำเป็นกว่า
หนึ่งในจุดขายของนาฬิกา COROS คือปุ่มหมุนเม็ดมะยม ที่ทำได้หน้าที่ทั้งหมุนเลือกเมนู และกดเลือกออปชั่นได้ในปุ่มเดียว
ปุ่มออกแบบเชิงวิศวกรรม ให้หมุนได้ในน้ำไม่มีปัญหา สามารถหมุนได้ในขณะสวมถุงมือหนาๆ และออกแบบให้ใช้งานง่ายๆ ด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียว ทั้งหมุน ทั้งกด
ถนัดซ้ายหรือถนัดขวา ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะสามารถเลือกตั้งให้ปุ่มอยู่ซ้ายหรือขวาก็ได้ (โดยระบบจะถามให้เลือกฝั่งตั้งแต่เริ่มเปิดใช้)
ตั้งได้แม้กระทั่งทิศทางการหมุน ว่าถนัดหมุนขึ้น (Clockwise Up) หรือหมุนลง (Clockwise Down) ระบบฉลาดถึงจุดที่ถามเรากลับว่า การเลือกฝั่งของปุ่มนั้นเราถนัดแล้วหรือยัง หากนาฬิกาสามารถตรวจจับได้ว่า เราไปโดนปุ่มโดยไม่ตั้งใจบ่อยๆ ขณะออกออกกำลังกาย
นาฬิกา COROS ที่มีระบบ Digital Dial
1.2 ระบบสัมผัสหน้าจอ (Touch Screen)
ฟังก์ชั่นส่วนใหญ่ ใช้เม็ดมะยม หรือ Digital Dial ในการควบคุม ทั้งหมุนและกดปุ่ม
COROS จำกัดการใช้หน้าจอทัชสกรีนได้แค่ 3 ส่วนหลักๆ นั่นคือ
Daily Widget History
- หรือรายงานผลประกอบการรายวัน จำพวก HR / Elevation / Air Pressure / Temperature ด้วยการหมุนปุ่มเม็ดมะยมแล้วกดเลือกแต่ละหน้า ทัชสกรีนจะใช้ลากดูกราฟได้
Navigation Mode
- จะเป็นการทำงานร่วมกันของทัชสกรีน กับ เม็ดมะยม โดยทัชสกรีน จะเป็นการลากดูเส้นทาง ในขณะที่ปุ่มเม็ดมะยม จะเป็นการซูมเข้าออก
Workout Interface
เปลี่ยนชุดหน้าข้อมูล ขณะที่เราออกกำลังฯ โดยเลือกได้
- เปิดระบบสัมผัส ให้ให้นิ้วแตะเลื่อนดูหน้า workout ได้แทนการใช้เม็ดมะยม System > Workout Interface > On
- ปิดระบบสัมผัส แล้วใช้เม็ดมะยมหมุนแทน System > Workout Interface > Off
นาฬิกา COROS ที่มีมีระบบ Touch Screen
2. แบตเตอรี่
2.1 แบตอึดถึกทน (Long Battery)
Lewis Wu ผู้ก่อตั้งแบรนด์ COROS เป็นนักปีนเขาและผู้หลงใหลในกีฬากลางแจ้งทุกชนิด ถือกำเนิดจากแคมเปญ Kicstarter ในปี 2016 เริ่มต้นจากการออกแบบหมวกจักรยานที่ฟังเพลงผ่านระบบ Bone Conduction ต่อมาออกแบบนาฬิกาตัวแรกในปี 2018 ใช้ชื่อว่า PACE และตามมาด้วย APEX42mm และ 46mm
จุดขายในเรื่องแบตฯอึด ไม่ใช่ความจงใจ แต่เป็นความต้องการเบสิคของเจ้าของ ที่ชอบใช้ชีวิตเอ้าท์ดอร์คนเดียวหลายๆ วัน แล้วนาฬิกาแบตฯหมด!
COROS เริ่มเป็นที่พูดกันหนาหูขึ้นในเรื่องแบตฯ เมื่อนักวิ่ง Ultra-Trail ที่ชื่อ Camille Herron ใส่ APEX 46mm วิ่งทำลายสถิติการวิ่ง 24 ชม. World Record แล้วแบตฯในนาฬิกายังเหลือ 32%!จากนั้นมา COROS กลายเป็นนาฬิกาที่ Elites ในฝั่ง Ultra-Trail เลือกใช้กันเอง (ไม่ได้สปอนเซอร์) เป็นชื่อเสียงที่บอกกันปากต่อปากในเรื่องของแบตเตอรี่ การใช้งานที่ง่าย ไม่ซับซ้อน
COROS เป็นหนึ่งในไม่กี่แบรนด์ ที่ควบคุมดูแลเองตั้งแต่ R&D ใน California ไปจนถึงการมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเองใน Guangdon อัลกอริธึ่ม (Algorithm) ที่ทำให้แบตฯทำงานได้อย่างยาวนาน กลายเป็นความลับและจุดขายของ COROS ไปโดยปริยาย
Full GPS | UltraMax | Standby | |
VERTIX | 60 ชม. | 150 ชม. | 45 วัน |
APEX PRO | 40 ชม. | 100 ชม. | 30 วัน |
APEX 46mm | 35 ชม. | 100 ชม. | 30 วัน |
APEX 42mm | 25 ชม. | 80 ชม. | 24 วัน |
PACE 2 | 30 ชม. | 60 ชม. | 20 วัน |
*ตารางแบตเตอรี่เป็นระยะเวลาการใช้งานสูงสุด
3. ผจญภัย
3.1 โหมดมองเห็นกลางคืน (Night Mode)
แสงหน้าปัดกลางคืน โหมดพิเศษ ที่เป็นการตั้งค่าให้ไฟหน้าปัดติดตลอดเวลา เหมาะกับการวิ่งเทรล หรือกิจกรรมในป่า โดยแสงหน้าปัดไฟ สว่างมากพอที่เราจะอ่านค่าในจอได้ แต่ไม่จ้าจนตาพร่าแล้วไปกินแบตฯโหมดพิเศษนี้ จะปิดไฟหน้าจอเองทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้น หรือกดจบกิจกรรม
BACK LIGHT
โหมดแสงหน้าปัดปกติ การทำงานของไฟหน้าปัดแบบปกติ COROS จะเป็นการใช้ระบบพลิกข้อมือเพื่อให้ไฟหน้าปัดทำงาน และจะดับลงเอง ในรุ่น VERTIX และ APEX PRO นั้นจะมีปุ่มกดเฉพาะให้ไฟหน้าปัดทำงานได้ตามใจเรา
เราสามารถตั้งแสงไฟหน้าปัดได้ 3 แบบ
- Auto ตั้งช่วงเวลาในการให้ไฟหน้าปัดทำงานได้ เช่น 17:00 - 7:00 นั่นแปลว่า ถ้าเราพลิกข้อมือตั้งแต่ห้าโมงเย็นขึ้นไป ไฟหน้าปัดจะทำงาน
- All Day ไฟหน้าปัดทำงานตลอด ทุกครั้งที่เราพลิกข้อมือดูนาฬิกา และจะดับลงเอง
- Off ไม่ทำงานอัตโนมัติหากพลิกข้อมือ ต้องกดปุ่ม “Light” เพื่อเปิดไฟ
3.2 ชอร์ปาที่ข้อมือ (Altitude Mode)
ยิ่งสูง อากาศยิ่งเบาบาง (High Elevation, Low Air Pressure) อากาศยิ่งเบาบาง ออกซิเจนในเลือดจึงยิ่งต่ำ (Low Air Pressure, Low Oxygen in Blood) และนั่นคือที่มาของโหมดนี้ เป็นการเรียกฟีเจอร์ระบบแจ้งเตือนระดับระดับออกซิเจนในกระแสเลือด (SpO2) ที่นาฬิกาดูร่วมกับอัตราการเต้นของหัวใจที่สูงเกินปกติ (HR) คำนวนร่วมกับค่าความชันที่วัดจากความกดอากาศ (Barometer) ในขณะที่เราอยู่บนพื้นที่ราบสูงมากเป็นพิเศษ (Elevation)
COROS วัดค่า SpO2 ผ่านเซนเซอร์ที่ชื่อ Oximeter ที่อยู่ข้างๆ HR sensor โดยใช้การสะท้อนของแสงอินฟาเรดจากผิวเพื่ออ่านค่านี้ ค่าออกซิเจนในกระแสเลือดสำหรับผู้ใหญ่ ที่จะทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติ อยู่ที่ประมาณ 95-99% ปกติแล้ว นาฬิกาจะวัดค่านี้ให้เราทุกๆ 1 ชม.อยู่ แต่เราสามารถอ่านค่านี้ได้แบบ Manual ด้วยการเข้า Setting > Oximter แล้วใส่ค้างไว้ 30 วิ. เพื่อให้นาฬิกาวัดค่านี้ได้ทันที
เราสามารถตั้งโหมดเตือนภัยความสูง หรือ Altitude Alert โดยเข้าจาก System > Altitude Alert > On โดยระบบจะเริ่มทำงานแจ้งเตือนทันทีที่ระดับความสูงเกิน 2,500m และจะเตือนเมื่อเริ่มตรวจจับได้ว่าอัตราการเต้นของหัวใจ (HR) เต้นเร็วผิดปกติ (เมื่อเทียบกับ Fitness Level ที่นาฬิกาเก็บข้อมูลทุกวัน)
โหมดนี้ จำเป็นมากสำหรับนักปีนเขา หรือนักวิ่ง Ultra-Trail ที่อยู่ในระดับความสูงที่อากาศเบาบางที่ความกดอากาศต่ำ โดย Altitude Mode ยังให้คะแนนหรือเรียก Altitude Performance Index จากการประเมินร่างกายของเรา โดยแบ่งเป็น
แถบสีแดง
- 0-60
- แปลว่าไม่ควรขึ้นต่อ ควรลงจากความสูงนั้น
แถบสีเหลือง
- 61-80
- แปลว่ายังไม่ต้องลงจากความสูงนั้น แต่ยังไม่ควรขึ้นต่อ ควรรอให้ปรับตัวกับความกดอากาศที่เบาบางเสียก่อน (Acclimatization)
แถบสีเขียว
- 81-100
- แปลว่าขึ้นไปบนความสูงมากกว่านั้นได้
นาฬิกา COROS ที่มีมีระบบ Altitude Mode
3.3 นำทางแบบนักกีฬา (Navigation)
โหมดนำทาง นักวิ่งเทรลได้ใช้โหมดนี้ โดยเฉพาะเมื่อต้องซ้อมเอง หรือแม้แต่ตอนแข่ง ถ้ากลัววิ่งหลงครั
โหมดนี้อยู่ในโหมด Trail Running “วิ่งเทรล” โดยนำเข้าไฟล์ (import) จากเพื่อนที่เคยวิ่งผ่านแอป Coros ในสมาร์ทโฟน (ไฟล์ที่รองรับคือ .GPX / .KML / .FIT / .TCX / .CSV) โดยเราสามารถวิ่งเก็บเส้นทางด้วยตัวเอง (Save Route) เพื่อทำเป็นแผนที่ในอนาคตให้ตัวเองได้ อีกทั้งสามารถแชร์ให้เพื่อนๆ ด้วยการ export เป็นไฟล์ข้างต้นผ่าน Social Media
นาฬิกา COROS ที่มีโหมด Navigation
4. ออกกำลังกาย
4.1 วัดรอบขาแบบอัจฉริยะ (Stride Algorithm)
หนึ่งในอัลกอริธึ่มที่ COROS เขียนขึ้นเองเพื่อใช้เป็นปัญญาประดิษฐ์ของตัวเอง (AI = Artificial Intelligence)
STRIDE ALGORITHM คือการให้นาฬิกาเรียนรู้ จดจำ และรู้จักอ่านค่าความยาวระยะก้าวของเรา โดยเก็บตัวเลขเข้าสู่ฐานข้อมูลในทุกๆ ครั้งที่เราวิ่ง ข้อมูลจะถูกเก็บไปเรื่อยๆ ในขณะที่สัญญาณ GPS ทำงานปกติ อัลกอริธี่มนี้จำเป็นมากเมื่อใดก็ตามที่สัญญาณ GPS อ่อนหรือขาดช่วงหายไป (เช่นกำลังวิ่งลอดอุโมงค์) นาฬิกาจะดึงฐานข้อมูลนี้มาวิเคราะห์ แล้วคำนวนออกมาเป็นทิศทางการวิ่ง ระยะทาง ความเร็ว เพซ ฯลฯ
ดังนั้น เมื่อจบการแข่ง เพซไม่ตกไปเฉยๆ ระยะทางครบ เส้นทางไม่ขาดหาย และเพซยังคงใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุด
นาฬิกา COROS ที่มีมีระบบ Stride Algorithm
4.2 ตรวจวัดกล้ามทุกมัด (Muscle Heatmap)
กล้ามโตได้ ไม่พี่งเทรนเนอร์ Feature ใหม่ของ COROS ที่เพิ่งออกตัวมาได้ไม่นาน คือ Muscle Heatmap ในหมวดกีฬาสร้างกล้ามเนื้อ (Strength Training) เป็นการที่ให้นาฬิกาจับความเคลื่อนไหวและนับจำนวนยกเอง โดยตรวจจับคลื่นความร้อนของกลุ่มกล้ามเนื้อเอง แยกเป็นส่วนๆ โดยนาฬิกาจะถามว่าวันนี้เราจะเล่นส่วนไหน (ทั้งตัว ไหล่ อก หลัง แกน ขา แขน)
เมื่อกดเริ่ม นาฬิกาจะนับครั้งให้เราเอง (Reps) ซึ่งเราสามารถตั้งเตือนเวลาพักได้เอง (Rest) โดยเราเป็นผู้กำหนดจบในแต่ละยก (Set) เมื่อจบ สามารถย้อนดูประวัติการฝึก โดยแบ่งตามส่วนของร่างกายได้ด้วย
Custom Work Out
- ถ้าเรามีโค้ช หรือมีแผนฝึก หรือมีแบบฝึกหัดล่วงหน้า สามารถป้อนมือเข้าไปใน COROS app โดยเลือก Strength Training เลือกส่วนที่จะเล่น แถมเลือกได้ด้วยว่าจะเล่นเครื่องเล่นตัวไหน (Machine)
- เมื่อป้อนเสร็จแล้ว แบบฝึกหัดนี้จะเข้าไปอยู่ในส่วนแผนฝึก (Training Plan) ซึ่งเราสามารถตั้งให้นาฬิกาเตือนได้เมื่อถึงวันที่ต้องฝึก
Pre-Loaded Work Out
- ในแอปของ COROS มี Pre-Loaded Exercises หรือแบบฝึกที่เขียนขึ้นโดย Certified Coach รอให้เราไปเลือกแล้วดาวน์โหลดมาเล่นเอง
Share
- เราสร้างโปรแกรมฝึกเองได้ เราดาวน์โหลดของคนอื่นมาใช้ได้ เราก็แชร์ให้คนอื่นได้เช่นกัน และสามารถแชร์แบบฝึกหัดได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Email, SMS, FB, etc
นาฬิกา COROS ที่มีระบบ Muscle Heatmap
4.3 วัด Watt วิ่ง (Running Power)
เชื่อว่านักวิ่งหลายคนคงเคยได้ยินบ้างแล้ว หน่วยการวัดพลังงานการวิ่งมิติใหม่ ที่นิยมและใช้กันมาพักใหญ่ๆ จากทางสายปั่น(จักรยาน) บัดนี้ข้ามฝั่งมาทางฝั่งวิ่งเรียบร้อยแล้ว
POWER มีหน่วยเป็น Watt ไม่ใช่วัตต์แบบไฟฟ้า แต่ตั้งชื่อหน่วยตามชื่อคนคิดค้น James Watt แปลตรงตัว คือการวัด “ค่าพลังงาน” แบบ “เรียลไทม์” ที่เรากำลังใช้วิ่ง ณ ขณะนั้น
สามารถใช้ร่วมกับ STRYD Pod โดยเป็นแบรนด์แรกที่สามารถนำเข้าข้อมูลมาแสดงได้ละเอียดยิบ
- Running Power
- Average Power
- Lap Power
- 3s Avg. Power
- 10s Avg. Power
- 30s Avg. Power
- Power Zones
- Form Power
- Air Power
- Leg Spring Stiffness
หรือพิเศษกว่านั้นคือ ไม่ต้องใช้ร่วมกับ Pod อะไรเลยก็ได้ แล้วให้นาฬิกาคำนวน Running Power ได้จากข้อมือเลย
การเขียน Algorithm เฉพาะของ COROS ทำให้เป็นแบรนด์นาฬิกายี่ห้อที่ 2 ในโลก ที่สามารถอ่านค่า Running Power โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพา Pod เสริมใดๆ อีกต่อไป และให้ค่าที่แม่นยำอีกด้วย
*cr : Coros Thailand