นาฬิกาอัจฉริยะ Pebble จาก Kickstarter ได้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามไปในรุ่นแรก รุ่นล่าสุดที่ตามมาคือ  Pebble Time , Pebble Time Steel และ Pebble Time Round โดยที่ทั้ง 3 รุ่นนี้มีความสามารถเหมือนๆกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือรูปลักษณ์ภายนอกนั่นเอง สำหรับบทความนี้ขอใช้ Pebble Time สีขาว ซึ่งเป็นรุ่นที่มีราคาถูกที่สุด

เปิดกล่อง

  • แบตเตอรี่ของ Pebble Time อยู่ได้นานสูงสุดถึง 7 วัน เป็นผลมาจากการใช้หน้าจอแบบ e-paper ที่ใช้พลังงานน้อยมาก แถมรุ่นนี้ไม่ต้องกลัวเปียกอีกแล้ว ระดับกันน้ำ Water Resistant ถึง 30M เอาไปใส่อาบน้ำ ใส่ว่ายน้ำได้เลย
  • สิ่งที่มาด้วยในกล่องจะมี นาฬิกา Pebble Time, สายชาร์จแบบแม่เหล็ก และ คู่มือการใช้งาน
  • หน้าจอขนาด 9.5mm (รวมขอบ)
  • ปุ่มด้านขวามี 3 ปุ่ม ใช้เป็นปุ่มขึ้น ปุ่มตกลง ปุ่มลง ส่วนรูสีดำเล็กๆคือไมโครโฟน
  • ปุ่มด้านซ้ายของนาฬิกาทำหน้าที่เป็นปุ่ม Back
  • ด้านหลังเรียบง่ายมีลักษณะโค้งรองรับข้อมือเล็กน้อย
  •  

เชื่อมต่อ Pebble App

เริ่มด้วยการดาวน์โหลด Pebble App ติดตั้งบนสมาร์ทโฟนให้เรียบร้อย

เลือกรุ่น Pebble ที่เราจะทำการเชื่อมต่อ ใส่ข้อมูลส่วนตัวและทำตามขั้นตอนจนการ set up เสร็จสิ้น

เมนูหลักของ Pebble App มี 3 อย่าง

  • My Pebble รวบรวมหน้าปัดนาฬิกา (watchfaces) และ App ของ pebble ที่เราดาวน์โหลดมา
  • Get Watchfaces เลือกดาวน์โหลดหน้าปัดนาฬิกา
  • Get Apps เลือกดาวน์โหลด app ใส่นาฬิกา

หน้าปัดนาฬิกามีให้เลือกเพียบ

สำหรับ app ใส่นาฬิกาก็มีให้เลือกไม่น้อยเช่นกัน แบ่งออกเป็น 6 หมวดหมู่

  • Daily - ดูสภาพอากาศหรือเป็นอะไรที่อัพเดททุกๆวัน
  • Notification - เกี่ยวกับการแจ้งเตือนต่างๆ
  • Heath & Fitness - สุขภาพและกีฬา นับก้าว หรือ ใช้เป็นหน้าจอย่อยเชื่อมกับ app ในสมาร์ทโฟน เช่น Endomondo
  • Tools & Utilities - เช่น เข็มทิศ, นาฬิกาจับเวลา, Checklist
  • Remotes - เช่น ใช้ควบคุม GoPro, ควบคุมกล้องของสมาร์ทโฟน 
  • Games - Fitcat, Tiny Bird, Pixel Miner

 

ข้อดี

  • ไม่ต้องชาร์จแบตบ่อยๆ อยู่ได้นานสูงสุด 7 วัน ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
  • ปุ่มควบคุมตอบสนองได้ไว ขนาดของปุ่มไม่เล็กเหมือนนาฬิกาอัจฉริยะทั่วไป
  • หน้าปัดนาฬิกาเปิดตลอดเวลา สามารถดูเวลาปัจจุบันได้เหมือนนาฬิกาปกติ
  • กันน้ำระดับ 30M ใส่ว่ายน้ำยังได้
  • ระบบสั่นเตือนแรงมาก ถ้าตั้งปลุกแบบสั่น ยังไงก็ตื่น
  • ปรับแต่งได้หลากหลาย เช่น ตั้งให้กดปุ่มบนค้างไว้แล้วเปิด app นี้ หรือ กดปุ่มล่างค้างไว้เพื่อเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกา ฯลฯ
  • ใช้ได้ทั้ง iOS และ Android

ข้อเสีย

  • หน้าจอใช้เทคโนโลยี e-paper เพื่อประหยัดแบต ทำให้ความคมชัดไม่สูงมาก
  • โครงหน้าปัดรอบนอกมีขนาดค่อนข้างกว้างทำให้เสี่ยงต่อการกระแทกเป็นรอย

สุดท้าย

ถ้าคุณกำลังมองหานาฬิกาที่มีระบบ Notification ดีๆ, หน้าจอดูเรียบง่าย, ดูวันที่/เวลา/สภาพอากาศได้ง่าย, น้ำหนักเบา, ใช้เป็น activity tracker และ สนับสนุนการวิ่งแบบไม่ซับซ้อนมาก ที่สำคัญ ราคาไม่แรงจนเกินไปเมื่อเทียบกับนาฬิกาอัจฉริยะที่มีความสามารถแบบนี้ .. Pebble Time คือนาฬิกาอัจฉริยะที่เหมาะกับคุณแล้ว