เมื่อเซ็นเซอร์ติดตามการวิ่งอย่าง Zwift RUNPOD สำหรับติดรองเท้า สามารถใช้งานร่วมกับ Zwift ผู้ให้บริการโปรแกรม/แอพ สำหรับฝึกซ้อมในรูปแบบเสมือนจริงบนสนาม โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางออกไปข้างนอกบ้าน จึงเป็นที่มาของความสนุกสำหรับนักวิ่งที่ไม่มีเวลาออกไปวิ่งบนสนามจริง ทั้งปลี่ยนการวิ่งบนเครื่องลู่วิ่งแบบเดิมๆให้สนุกขึ้น ด้วยสถานการณ์จำลองให้คุณได้ลงไปวิ่งร่วมกับผู้ใช้งาน Zwift ทั่วทั้งโลก จากการเคลื่อนไหวจริงๆด้วยท่าทางการวิ่ง เพียงนำ Zwift RUNPOD ไปติดกับรองเท้าและเริ่มวิ่งบนลู่วิ่งนั้นเอง

 

มีวิธีไหนบ้าง? ที่จะวิ่งกับ Zwift เสมือนจริงบนสนาม 

  1. จับคู่กับ Zwift RUNPOD
  2. จับคู่กับนาฬิการุ่นที่รองรับ อย่างเช่น Garmin Forerunner 245 หรือ Forerunner 945 (เฟริมแวร์ 4.06 ขึ้นไป)

 

เริ่มใช้งาน Zwift RUNPOD

เปิดกล่อง

สำหรับ Zwift RUNPOD เป็นเซ็นเซอร์จิ๋วที่ใช้งานง่าย ในราคาราคาพันต้นๆ ที่สามารถเริ่มใช้งานได้ด้วยการเชื่อมกับ Zwift app บนสมาร์ทโฟนเพียงเท่านั้น

เมื่อเปิดกล่อง Zwift RUNPOD ออกมา ต้องบิดปลอดล็อคตัวเซ็นเซอร์เพื่อแยกออกมาจากฐานติดเชือกรองเท้าก่อน โดยใช้เหรียญบิดในบริเวณด้านล่างของเซ็นเซอร์ เพื่อนำถ่าน (CR2032) ที่แถมมาในกล่องมาติดตั้งเข้ากับเซ็นเซอร์และบิดกลับไปเพื่อล็อคฝาถ่าน

 

ติด Zwift RUNPOD เข้ากับรองเท้า

ขั้นตอนต่อมาให้นำ Zwift RUNPODที่ใส่ถ่านแล้วมาติดกับเชือกรองเท้า โดยตัวเซ็นเซอร์หลักนั้นยังไม่ต้องบิดเข้ากับฐาน ให้นำตัวฐานด้านล่างมาสอดเข้ากับเชือกรองเท้าก่อน ซึ่งตัวฐานด้านล่างจะเว้นช่องให้สำหรับเชือกรองเท้ารอดผ่านไปได้ เมื่อติดตั้งกับเชือกรองเท้า เรียบร้อยแล้ว นำ Zwift RUNPOD มาบิดล็อคกับฐานให้แน่นหนา โดยใช้นิ้วเคาะไปที่บริเวณด้านบนเพื่อทดสอบสถานะการใช้งานของเซ็นเซอร์ ถ้ามีไฟสถานะขึ้นแสดงว่าพร้อมใช้งาน

 

เชื่อมต่อกับ Zwift

  • ก่อนอื่นต้องไปโหลด Zwift app มาติดตั้งบนสมาร์ทโฟนให้เรียบร้อยก่อน สามารถใช้งานได้ทั้ง IOS และ Android เลือกกดดาวน์โหลดได้เลย ก่อนเข้ามาใน Zwift app ต้องเปิดบลูทูธของระบบสมาร์ทโฟนก่อน
  • เมื่อพร้อมแล้วให้เลือกประเภทกิจกรรม วิ่ง "Run" หรือสำหรับใครที่มีเทรนเนอร์ปั่นจักรยานอย่างแบรนด์ Wahoo ก็สามารถใช้งานร่วมกับ Zwift app ได้เหมือนกัน
  • เลือกประเภทออกกำลังกายให้ตรงกับเป้าหมาย อย่างเช่น รักษารูปร่าง, วิ่งเป็นกลุ่ม หรือ ฝึกซ้อม
  • ปรับสถานะการฝึกซ้อมให้ตรงกับเป้าหมาย สำหรับผู้เริ่มต้นแนะนำ "Nice and Steady" โดยวิ่งประมาณ 20-30 นาที ในระดับความเร็ว 9.5 kph
  • สังเกตหัวข้อ "Cadence" ให้กดเพื่อเชื่อมต่อด้วยสัญญาณบลูทูธ และรอให้ Zwift app ค้นหาเซ็นเซอร์สักครู่
  • ถ้า Zwift app ค้นหาและเชื่อมต่อได้จะขึ้นสถานะ Connected แสดงว่าเตรียมวิ่งได้เลย พร้อมกับกด OK
  • แนะนำ : เมนูฝั่งซ้าย "Heart Rate" สำหรับเชื่อมต่อเซ็นเซอร์วัดชีพจร เพื่อส่งข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์ไปแสดงผลและระดับโซน รับรู้ถึงความหนัก/เบาของการวิ่ง หรือฝึกซ้อมให้เป็นไปตามผลลัพธ์ตามระดับโซนชีพจรนั่นเอง โดยรองรับกับอุปกรณ์เชื่อมต่อบลูทูธอย่างเช่น สายคาดอกเซ็นเซอร์วัดชีพจร

สำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับความเร็ว ให้กดไอคอน "ประแจ" เพื่อเข้าสู่เมนู  Calibration  เพื่อตั้งค่าระดับความเร็วของการวิ่งพื้นฐาน หรือคาลิเบรทความเร็วกับลู่วิ่ง

เลือกเส้นทางการวิ่งจากสนาม หรือ พื้นที่เกาะ ได้ด้วยระยะทาง ความชัน แบบวิ่งไปกลับ

อีกทั้งวางแพลนการฝึกซ้อมวิ่งได้หลากหลาย อาทิเช่น 5K, มาราธอน เพื่อเตรียมพร้อมสู่สนามของจริง

เมื่อตั้งค่าต่างๆพร้อมแล้ว ก็เริ่มลงไปวิ่งได้เลย หน้าตา UI ของ  Zwift app จะคล้ายกับการเล่มเกมส์ ในรูปแบบมุมมองบุคคลที่ 3 เห็นฉากไปพร้อมๆกัน และแสดงผลข้อมูลสถิติความเร็ว, ระยะทาง, รอบ, เส้นทาง และ สถิติผู้ที่อยู่บนสนามใกล้ๆ นั้นก็แสดงว่าเราไม่ได้วิ่งเพียงคนเดียวลำพัง ในขณะวิ่งจะเห็นเพื่อนในสนามวิ่งเข้ามาร่วมด้วย

ปิดท้ายด้วยเป้าหมาย วิ่งทั้งทีต้องมีทำให้สำเร็จตามเป้าหมาย เลือกได้ทั้งเวลา, แคลอรี่, โซน และ ระยะทาง

หวังว่าเพื่อนๆที่กำลังหาวิธีการออกกำลังกายลดหุ่น หรือ เพิ่มความฟิตของร่างกาย ได้ลองนำไปวิ่งออกกำลังกายแบบสนุกสนานกับZwift RUNPODและ Zwift app บนลู่วิ่ง โดยไม่ต้องออกเผชิญกับฝุ่นละออง หรือ ฝนตกอากาศไม่เป็นใจ ด้วยลูกเล่นของ Zwift app ที่มาพร้อมสถิติต่างๆที่สนุกกว่าการวิ่งแบบเดิมแบบไม่มีสถิติ และสำหรับผู้ที่ไม่มีลู่วิ่ง หรือ ไม่ได้เน้นกิจกรรมวิ่งเป็นหลัก แต่อยากรู้สถิติของการอออกกำลังกายที่สูญเสียเหงื่อไป เราก็แนะนำให้เพื่อนๆลองใช้งานนาฬิกาออกกำลังกาย เพื่อติดตามข้อมูลแบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังบันทึกข้อมูลการออกกำลังกายโดยไม่ต้องจดบันทึกไดอารี่อีกต่อไป