นาฬิกา GPS VS แอพออกกำลังกายบนสมาร์ทโฟน เลือกใช้แบบไหนดี ?

 

เคยไหม ? เมื่อเราเริ่มไปวิ่งที่สวนสาธารณะจะเห็นนักวิ่งคนอื่นๆ สวมนาฬิกา GPS เพื่อติดตามการวิ่งของพวกเขา พอเห็นแล้วเราก็จะรู้สึกว่าของมันต้องมีแต่พอเราไปดูนาฬิกา GPS ก็จะเห็นได้ว่ามีราคาค่อนข้างสูง มันก็ทำให้เราเกิดการลังเลที่จะซื้อละว่ามันจำเป็นต่อการวิ่งของเราไหม ? เราจะใช้นาฬิกา GPS แบบจริงจังหรือจะใช้แอพพลิเคชั่นจากสมาร์ทโฟนดี ?

สำหรับนักวิ่งที่วิ่งเพื่อสุขภาพ วิ่งในเวลาที่ว่างไม่ได้วิ่งเพื่อการฝึกซ้อมก็ไม่จำเป็นต้องมีนาฬิกา GPS เพื่อติดตามการวิ่ง สามารถใช้สมาร์ทโฟนเพื่อติดตามระยะทาง ความเร็ว และเวลา เป็นการติดตามข้อมูลการวิ่งแบบพื้นฐานซึ่งก็เพียงพอที่เราจะรู้ข้อมูลในการวิ่งของตัวเอง แต่ถ้าใครต้องการใช้ข้อมูลขั้นสูง เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ VO2max และระยะเวลาในการฝึกซ้อม ก็ขอแนะนำเป็นนาฬิกา GPS สำหรับการวิ่งโดยเฉพาะดีกว่า แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเพราะเราเป็นมือใหม่ยังไม่จำเป็นซื้อนาฬิกา GPS ซึ่งถ้าเรามีกำลังมากพอที่จะซื้อก็ควรซื้อติดไว้ใช้งาน เพราะเปรียบเทียบการติดตามการวิ่งด้วยนาฬิกา GPS กับสมาร์ทโฟนแล้ว นาฬิกา GPS ค่อนข้างจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการวิ่งได้มากกว่า เดี๊ยววันนี้เราจะมาดูกันว่ามันดียังไง

 

นาฬิกา GPS คืออะไร ?

เรามาทำความรู้จักกับนาฬิกา GPS หรือนาฬิกาสำหรับวิ่งก่อนดีกว่า นาฬิกา GPS เป็นนาฬิกาประเภทหนึ่งที่มี GPS ในตัวมีไว้สำหรับใช้ในการติดตามระยะทางที่แม่นยำขึ้นระหว่างการวิ่ง  นาฬิกาที่ออกแบบมาสำหรับการวิ่งที่มีคุณภาพสูงส่วนใหญ่มาพร้อมกับคุณสมบัติ multi-GNSS ซึ่งอธิบายง่ายๆ เลยคือเป็นการใช้ระบบ GPS ในการติดตามมากกว่า 1 ระบบคือ GNSS หรือ Global Navigation Satellite System
 

GPS คือ GNSS ตัวหนึ่งที่สร้างขึ้นโดยสหรัฐอเมริกา แต่ก็ยังมี GNSS อื่นๆ ที่สร้างโดยประเทศอื่น เป็นรุ่นที่ธรรมดากว่าคือ GLONASS ซึ่งสร้างโดยรัสเซีย และ Galileo ที่สร้างโดยสหภาพยุโรป การมีคุณสมบัติ multi-GNSS จะช่วยให้ GPS ของนาฬิกามีความแม่นยำมากขึ้น พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้า GNSS ตัวไหนไม่สามารถจับสัญญาณได้ GNSS ตัวอื่นก็สามารถติดตามระยะทางต่อไปแทนได้

นอกเหนือจาก GPS นาฬิกาสำหรับวิ่งยังมีการติดตามการวัดค่าอื่นๆ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ, VO2max และตัววัดไดนามิกการวิ่งอื่นๆ ซึ่งเราสามารถใส่วัดค่าสุขภาพของเราได้ตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นสมาร์ทอย่าง ฟังเพลง แจ้งเตือนข้อความ หรือบางรุ่นสามารถรับสายโทรออกได้ด้วย ขอยกตัวอย่างนาฬิกาวิ่งยอดนิยมที่มีคุณสมบัติเหล่านี้คือ  Garmin Forerunner 745  และนาฬิกาหลายๆ รุ่นของแบรนด์ต่างๆ อย่าง Garmin, Coros, Suunto ที่มี GPS, GLONASS และ Galileo ซึ่งจะติดตามการวิ่งของเรารวมถึงฟังก์ชั่นวัดคุณภาพในการวิ่ง แต่นี้ก็ยังไม่ใช่ประโยชน์ทั้งหมดของนาฬิกา GPS เดี๊ยวเราจะมาเจาะลึกถึงการใช้งานแต่ละหัวข้อกัน เช่น ความแม่นยำ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ และความสะดวกในการใช้งาน

 

ความแม่นยำของ GPS

เมื่อเปรียบเทียบเรื่องความแม่นยำของนาฬิกา GPS กับสมาร์ทโฟน ส่วนใหญ่ก็จะขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ติดตั้งในอุปกรณ์ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับนาฬิกาหรือโทรศัพท์ ของแต่ละรุ่นว่า GPS ของรุ่นนั้นมีการพัฒนามามากน้อยแค่ไหน แต่นาฬิกา GPS ส่วนใหญ่มีจะสามารถรับสัญญาณได้หลายความถี่หรืออย่างที่กล่าวไปข้างต้นคือสามารถรับสัญญาณจาก GNSS ได้หลายตัว เช่น GLONASS และ Galileo ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการติดตาม

แต่ถ้าเป็นในส่วนของสมาร์ทโฟนไม่ใช่ว่าสมาร์ทโฟนทุกเครื่องจะมีการรองรับสัญญาณหลายความถี่ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกันในข้อนี้นาฬิกา GPS ค่อนข้างจะดีกว่าเพราะส่วนใหญ่นาฬิกา GPS จะมีระบบนี้อยู่ตัวเรือนเป็นพื้นฐาน แต่ก็ยังมีสมาร์ทโฟนที่สามารถรับสัญญาณหลายความถี่ได้ เช่น Samsung Note 10+ หรือสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปๆ ของแบรนด์ต่างๆ ถ้าเราไม่เปรียบเทียบเรื่องการใช้งานในส่วนอื่นแค่เฉพาะเรื่องระบบ GPS อย่างเดียวก็ต้องบอกว่ามีความแม่นยำพอๆ กับนาฬิกา GPS
 

แต่สุดท้ายแล้วระบบ GPS สมาร์ทโฟนไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อติดตามการออกกำลังกาย แต่มีไว้เพื่อใช้งานติดตามตำแหน่งที่ตั้งทั่วไป และที่สำคัญถ้าเราต้องการสเปคที่รับสัญญาณได้หลายความถี่ตัวสมาร์ทโฟนก็มีราคาค่อนข้างสูงเผลอๆ ราคาสูงกว่านาฬิกา ต่างกับนาฬิการุ่นเริ่มต้นที่ออกแบบมาให้ใช้งานระบบ GPS โดยเฉพาะรองรับการวิ่งและการติดตามสุขภาพแบบเจาะลึก

 

อายุการใช้งานแบตเตอรี่

ด้วยตัวสมาร์ทโฟนจะมีการใช้งานแอพต่างๆ และมีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น จึงทำให้มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่น้อยกว่านาฬิกา GPS ได้มีการทดสอบแบตเตอรี่ของ iPhone Pro Max สามารถใช้งานข้อมูลเครือข่ายมือถือได้นาน 12 ชั่วโมง 16 นาที และความสว่างหน้าจอ 150 นิต พร้อมเปิด GPS ระบุตำแหน่ง (การใช้ GPS จะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับนาฬิกา GPS ที่ใช้โหมด GPS แบบเต็มเวลาจะใช้งานได้มากกว่า 20 ชั่วโมงเป็นต้นไป นาฬิกา GPS บางรุ่น อย่างนาฬิกาประเภท Ultrarunners สามารถทำงานในโหมด GPS เต็มรูปแบบได้เป็นระยะเวลาหลายวันก็ค่อนข้างเป็นระยะเวลาที่นานกว่าสมาร์ทโฟนพอสมควร

 

สะดวกในการใช้งาน

นี่คือจุดที่นาฬิกา GPS ดูน่าใช้งานมากกว่าสมาร์ทโฟน เพียงแค่ใส่นาฬิกาไว้ที่ข้อมือ ไม่ต้องมาคอยพกใส่กางเกงให้หนักเวลาวิ่ง อีกทั้งยังมีความทนทานต่อการใช้งานด้านนอกอย่างวัสดุสามารถป้องกันน้ำ กันรอยขีดขวนได้ นอกจากนี้ยังง่ายต่อการข้อมูลในการวิ่งของเราเพียงแค่ยกข้อมือขึ้นมาดู ขอย้ำอีกรอบ ซึ่งบางคนไม่ทราบว่า ถ้ามีนาฬิกา GPS ไม่จำเป็นพกสมาร์ทโฟน

แต่ในทางกลับกันถ้าเราใช้สมาร์ทโฟนเป็นตัวติดตามการวิ่งนั้นค่อนข้างจะมีความค่อยสะดวกน้อยกว่า ทั้งในเรื่องน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเมื่อเราพกไปขณะที่วิ่ง ต้องคอยกังวลว่าจะทำตกเป็นรอยขณะที่วิ่งอยู่หรือเปล่า และด้วยตัวสมาร์ทโฟนเองก็มีราคาที่สูงเหมือนกันตัวเราก็ต้องมีความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ง่ายๆ เลยว่าใส่นาฬิกา GPS ไปวิ่งจะช่วยลดความกังวลในการใช้งานได้มากกว่า

 

นาฬิกา GPS มีความแม่นยำมากกว่าสมาร์ทโฟนเมื่อใช้งานขณะที่วิ่ง ?

ซึ่งตรงนี้เรามีคำตอบมาให้กับทุกคนได้รู้กัน ผลการวิจัยพบว่าสมาร์ทโฟนจะมีความแม่นยำน้อยกว่านาฬิกา GPS เมื่อเราใช้ติดตามขณะที่วิ่งอยู่ มันไม่ได้เป็นเพราะ GPS ของสมาร์ทโฟนทำงานผิดปกติแต่มันเกิดจากตำแหน่งการเก็บของสมาร์ทโฟนขณะที่เราวิ่ง ยกตัวอย่างถ้าเราถือสมาร์ทโฟนไว้ในมือก็จะทำให้ GPS ของสมาร์ทโฟนสามารถจับสัญญาณได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นอะไรที่ส่งผลต่อความแม่นยำของ GNSS ก็จะใกล้เคียงกับการที่เราใส่นาฬิกา GPS ไว้ด้านนอกและเปิดการติดตามการวิ่ง คราวนี้เรามาดูเหตุการณ์ที่จะทำให้ความแม่นยำของสมาร์ทโฟนลดลงกัน
 

  • เก็บสมาร์ทโฟนไว้ในกระเป๋าเสื้อ แม่นยำน้อยลง 3 เท่า
  • เก็บสมาร์ทโฟนไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้า แม่นยำน้อยลง 5 เท่า
  • เก็บสมาร์ทโฟนไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง แม่นยำน้อยลง 9 เท่า
  • สมาร์ทโฟนในมือมีการแกว่งไม่คงที่ แม่นยำน้อยลง 9 เท่า

ก็จะเห็นได้ชัดว่า GPS สมาร์ทโฟนจะมีความแม่นยำน้อยลงเมื่ออยู่ในที่อับสัญญาณหรือตัวเครื่องมีการขยับอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้การจับสัญญาณนั้นไม่คงที่ เมื่อเทียบกับนาฬิกา GPS ที่เราสามารถใส่วิ่งและแขนมีการขยับอยู่ตลอดเวลา GPS ก็ยังสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่อยู่ นอกจากนี้เรายังสามารถสวมใส่แทนนาฬิกาปกติได้ตลอดทั้งวันเพื่อ วัดค่าสุขภาพของเราหรือจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำอย่าง ดูเวลา  การแจ้งเตือนต่างๆ สามารถทำได้ผ่านนาฬิกาเลย

 

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความแม่นยำของ GPS

คราวนี้เรามาเปรียบเทียบเหตุการณ์การใช้งานระบบ GPS ของนาฬิกา GPS กับสมาร์ทโฟนกันว่ามีความแตกต่างยังไง ระบบ GPS จะมีความแม่นยำภายในรัศมี 1-5 เมตร แต่ในบางกรณีก็อาจส่งผลต่อความแม่นยำของอุปกรณ์ เช่น

  • วิ่งในเมืองที่มีตึกสูงมากมาย
  • วิ่งเทรลในป่า
  • วิ่งผ่านอุโมงค์
  • วิ่งในร่ม
  • สัญญาณสะท้อนจากอาคารและผนัง

ทั้งนาฬิกา GPS และสมาร์ทโฟนได้รับผลกระทบจากปัจจัยเหล่านี้เหมือนกัน แต่มีหลายเหตุการณ์ที่อาจส่งผลต่อสมาร์ทโฟนแต่ไม่ส่งผลต่อนาฬิกา GPS เช่น

  • วิธีพกพาสมาร์ทโฟน (ใส่สมาร์ทโฟนไว้ในกระเป๋าทำให้ความแม่นยำลดลง)
  • ระยะทางในการวิ่ง (การวิ่งในระยะทางที่สั้นกว่านั้นมีความแม่นยำน้อยกว่าระยะทางที่ยาว)
  • คุณสมบัติ Multi-GNSS (สมาร์ทโฟนบางรุ่นเท่านั้นที่รองรับระบบ Multi-GNSS)

 

สรุป 4 เหตุผล ทำไมนาฬิกา GPS ดีกว่าสมาร์ทโฟน ?

1.ความแม่นยำ

อย่างแรกเลยที่เรายกมาเป็นหัวข้อหลักคือ ความแม่นยำของ GPS นาฬิกา GPS ถูกออกแบบมาเพื่อการวิ่งโดยเฉพาะสามารถใช้งานสำหรับการวิ่งได้หลากหลายสถานที่ ที่สำคัญคือสามารถใส่วิ่งได้โดยไม่มีผลกระทบต่อระบบ GPS แต่ถ้าเป็นสมาร์ทโฟนเมื่อเกิดการแกว่งกับจับสัญญาณ GPS ก็จะไม่มีความคงที่

2.ใช้งานสะดวก

ต่อมาคือเรื่องความสะดวกสบายในการใช้งาน นาฬิกา GPS ส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักเบาทำให้ใส่ไปวิ่งแล้วไม่รู้สึกเกะกะ สามารถยกข้อมือมาดูข้อมูลการวิ่งได้ง่ายๆ เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนที่เราพกไปแบบพะรุงพะรังแถมถ้าเหงื่อออกเวลาใช้งานเลื่อนดูข้อมูลก็ลำบาก

3.ทนทานต่อการใช้งาน

อีกข้อคือความทนทานของวัสดุ นาฬิกา GPS ส่วนใหญ่มีวัสดุที่ทนทานต่อการใช้งานกลางแจ้ง หน้าจอจะป้องกันรอยขีดข่วน และยังกันน้ำได้บางเรือนสามารถใส่ว่ายน้ำได้อีกด้วย คือเราสามารถใช้งานได้อย่างสมบุกสมบันไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะพังไหม อีกทั้งมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานกว่าสมาร์ทโฟน

4.การวัดผลข้อมูลการวิ่ง

สุดท้ายที่สำคัญเลยคือให้ข้อมูลในการวิ่งได้มากกว่าสมาร์ทโฟน ถ้าเราต้องการข้อมูลที่มากกว่าแค่ระยะทาง ความเร็ว และเวลาเพื่อวิเคราะห์การวิ่งนาฬิกา GPS เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่าด้วยตัวเรือนมีระบบเซนเซอร์ที่สามารถวัดข้อมูลร่างกายเรา เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ VO2max รอบขา และระยะก้าว ทำให้เรารู้ข้อมูลสุขภาพของร่างกายตัวเองในระดับที่สูง นำมาวิเคราะห์วางแผนในการฝึกซ้อมได้ดีกว่า

 

ข้อเสียของนาฬิกา GPS

จากข้อมูลที่เราดูมาข้อเสียคงจะไม่พ้นเรื่องราคา แต่อย่าเพิ่งคิดว่านาฬิกา GPS จะแพงทุกเรือน บางเรือนมีฟังก์ชั่นที่รองรับการวิ่งโดยเฉพาะและมีราคาที่จับต้องได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อตัวท๊อปเสมอไปเพราะนาฬิกา GPS ก็คล้ายกับสมาร์ทโฟนที่มีรุ่นเริ่มต้นสำหรับคนเพิ่งเริ่มวิ่งอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงแนะนำให้เลือกใช้งานนาฬิกา GPS ทั้งราคาและคุณสมบัติให้เหมาะกับการวิ่งและไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของเรา ถ้ามีข้อสงสัยหรืออยากให้เราแนะนำข้อมูลเพิ่มเติมแอดไลน์ปรึกษาเรา tsmactive ได้ที่ @tsmactive เพื่อที่เราจะได้นาฬิกา GPS ที่เหมาะสม