10 ความแตกต่างระหว่าง Garmin Forerunner 935 กับ Garmin Fenix 5 พร้อมรีวิว

ในปี 2017 Garmin เปิดตัว 2 รุ่นใหม่ระดับท็อปโดยปล่อยให้ลูกพี่ใหญ่ Fenix 5 ออกมาโลดแล่นก่อนถึง 3 ขนาด จนถึงบัดนี้เป็นคิวของ Forerunner 935 รุ่นเรืองธงของตระกูล Forerunner เจาะกลุ่มนักกีฬาที่ฝึกซ้อมและออกกำลังกายแบบจริงจัง ซึ่งก่อนที่ Forerunner 935 จะเปิดตัวมีข้อสงสัยกันอย่างมากว่า Forerunner 935 กับ Fenix 5 เป็นรุ่นที่มีขนาดและความสามารถใกล้เคียงกันที่สุดแต่ยังไม่ทราบถึงข้อแตกต่างกัน ทางทีมงาน Tsmactive จะมาช่วยไขข้อสงสัยว่า 2 รุ่นนี้แตกต่างมากน้อยกันแค่ไหน 

 

1. FR 935 น้ำหนักบางเบากว่า

  • Garmin Forerunner 935 น้ำหนัก 49 กรัม
  • Garmin Fenix 5 น้ำหนัก 85 กรัม

จุดนี้เองที่ทำให้ Garmin Forerunner 935 เป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มนักฝึกซ้อม และ แข่งขัน ด้วยน้ำหนักตัวเรือนที่มีความบางเบาจึงรองรับการสวมใส่ที่ยาวนาน

 

2. ปริมาณแบตเตอรี่

สำหรับการแข่งขันที่ยาวนาน อย่างการวิ่งมาราธอน แบตเตอรี่ในโหมด UltraTrac (ที่ไม่ได้ใช้งานเซนเซอร์วัดชีพจากนาฬิการ่วมด้วย) Garmin Forerunner 935 สามารถใช้งานได้น้อยกว่า Fenix 5 เพียงเล็กน้อย 

 

3. ขนาดของสาย

สายของ Garmin Forerunner 935 มีขนาดสั้นกว่า Garmin Fenix 5 ประมาณ 1.5 เซนติเมตร แต่ถ้าสังเกตุดีๆช่องล็อคสายของ Garmin Forerunner 935 มีรูที่เยอะกว่า สามารถรองรับผู้สวมใส่ที่มีข้อมือขนาดเล็ก และ ช่วยระบายเหงื่อสะสมได้ดีกว่า Garmin Fenix 5

 

4. กันน้ำ

Garmin Forerunner 935 กันน้ำได้ลึกสุด 5 ATM หรือ 50 เมตรนั้นเอง ซึ่งแตกต่างกับ Garmin Fenix 5 ที่กันน้ำได้ลึกกว่าถึง 100 เมตร โดยแตกต่างกันชัดเจนที่ 50 เมตร ซึ่งในจุดนี้ต้องมองถึงการฝึกซ้อม หรือ การแข่งขันทางน้ำ ว่าไปถึงความลึกเท่าไหร่

 

5. กระจกหน้าจอ

Garmin Forerunner 935 วัสดุหน้าจอทำจากกระจกมาตรฐาน ส่วน Garmin Fenix 5 จะเป็นกระจกแซปไฟร์ที่ความคงทนมากกว่า สำหรับจุดนี้ถ้าไม่ออกกำลังกายแบบไม่ระมัดระวัง กระจกธรรมดาถือว่าเพียงพอแล้วต่อการใช้งาน

 

6. วัสดุตัวเรือน

วัสดุตัวเรือนของ Garmin Forerunner 935 ทำจาก Fiber-Reinforced Polymer เพียงให้มีน้ำหนักเบา ส่วน Garmin Fenix 5 เลือกใช้ Stainless Steel เสริมความแข็งแกร่ง แต่ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักเกือบเท่าตัว ซึ่ง Garmin เลือกใช้วัสดุที่บางเบาในตระกูล Forerunner กว่า Fenix เพราะยังต้องการรักษาฐานกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการความคล่องตัว

 

7. การเปลี่ยนสาย

สายของ Garmin Forerunner 935 ที่มาพร้อมตัวเรือน จะไม่ใช่สาย QuickFit เป็นเพียงสายปกติที่ต้องใช้ไขควงเปลี่ยน แต่ใน Garmin Fenix 5 จะมาพร้อมสาย QuickFit  ซึ่ง Garmin Forerunner 935 สามารถเลือกใช้สาย QuickFit ในขนาด 22 mm เปลี่ยนใช้งานได้ปกติ

 

8. โหมดออกกำลังกาย

โดยรวมแล้วโหมดออกกำลังกายพื้นฐานทั้ง 2 รุ่น แทบไม่ได้แตกต่างกัน มีโหมดไตรกีฬา และ วิ่งเทรล เช่นเดียวกัน ซึ่งใน Garmin Fenix 5 (รุ่นที่รองรับ) จะแตกต่างในการแสดงแผนที่สีเต็มรูปแบบนั้นเอง

 

9. กลุ่มผู้ใช้งาน

ด้วยรูปทรงของ Garmin Forerunner 935 มาในดีไซน์สปอร์ตมากกว่า Garmin Fenix 5 ซึ่งจุดที่แตกกต่างกัย สำหรับรูปทรงหรูหรา ดีไซน์เท่ๆต้องเทใจไปทาง Garmin Fenix 5 มากกว่า

 

10. อุปกรณ์เสริม

ในด้านการรองรับอุปกรณ์เสริม ทั้ง 2 รุ่น สามารถรองรับ สายคาดอกวัดชีพจร, เซ็นเซอร์จักรยาน ที่รองรับ Bluetooth & ANT+ รวมไปถึง Garmin Dynamic Pod สำหรับการติดตามการวิ่งขั้นสูง

 

รีวิว Forerunner 935 ฉบับเร่งด่วน

คุณสมบัติเด่น

  • ออกแบบเพื่อการวิ่งและมัลติสปอร์ตขั้นสูง สวมใส่สบายบนข้อมือได้ตลอดวัน น้ำหนักเพียง 49 กรัม
  • Built-in Barometer วัดระยะสูงและเข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ สบับสนุนกับการฝึกซ้อม
  • Training status ประเมินสถานะการฝึกเพื่อบ่งบอกสถานะของร่างกายพัฒนาประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น
  • Provides advanced dynamics สำหรับวิ่ง จักรยานและว่ายน้ำ เพิ่มความสมดุลให้กับการฝึกซ้อม
  • ติดตามความเร็วและระยะทางด้วย GPS / Glonass
  • วัดอัตราการเต้นหัวใจที่ข้อมือด้วยเทคโนโลยี Garmin Elevate™
  • เมนูและการแจ้งเตือน (ภาษาไทย)
  • ติดตามกิจกรรมตลอดทั้งวัน การนับก้าว , คำนวณแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญ , ระยะที่เดินทาง ฯลฯ
  • รองรับ Running Dynamics Pod
  • อายุการใช้งาน สูงสุดถึง 2 สัปดาห์ในโหมดปกติ , 24 ชั่วโมงในโหมด GPS และ 50 ชั่วโมงในโหมด UltraTrac™

 

แกะกล่อง Unbox

กล่อง Forerunner 935 ยังคงใช้คอนเซ็ปสีเทารูปแบบใหม่ที่ใกล้เคียง Fenix 5 แต่แน่นหนากว่าเดิม

ประกอบไปด้วย

  • Forerunner 935
  • สมุดคู่มือ ภาษาไทย
  • สายชาร์จ
  • สติ๊กเกอร์ Garmin 

 

วัดชีพจรตลอด 24 ชั่วโมง

เซ็นเซอร์วัดชีพจรยังคงยกมาจาก Garmin Fenix 5 และใช้รูปแบบการชาร์จไฟเหมือนกัน โดยพื้นผิวใต้ตัวเรือนเป็น Fiber Polymer ให้ความรู้สึกเบาสบายและกระชับมากกว่าเ

 

มีให้เลือก 2 สี

สีดำของ Garmin Forerunner 935 อาจจะคุ้นชินกันอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการสีเจ็บๆ ขอแนะนำสายสีเหลืองมะนาว เพิ่มความจี๊ดจ๊าดให้กับการออกกำลังกาย

 

สวมใส่จริง

Garmin Forerunner 935 จะพร้อมสายปกติ แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนสายง่ายขึ้น แนะนำให้ใช้งานคู่กับ Garmin QuickFit ในขนาด 22mm จะทำให้เปลี่ยนสายได้สะดวกกว่าเดิม

 

การควบคุม

ระบบปุ่มควบคุมของ Garmin Forerunner 935 จะเหมือนกับ Garmin รุ่นอื่นๆ กดง่าย และ เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

 

อุปกรณ์เสริมสำหรับวิ่ง

Garmin Running Dynamics Pod อุปกรณ์ที่จะช่วยคำนวณ และ ติดตาม Running Dynamics ถึง 6 ชนิดไปยังนาฬิกา Garmin รุ่นใหม่ๆที่รองรับ

ตัวอย่างการใช้งานร่วมกับ Garmin Running Dynamics Pod ในโหมดวิ่ง จะได้ข้อมูล Running Dynamics เพิ่มเติมเข้ามาสำหรับรู้ผลการวิ่งที่ละเอียดยิ่งขึ้น

 

โหมดไตรกีฬา

โหมดไตรกีฬาเป็นโหมดเฉพาะทาง ที่เริ่มมีใน Garmin Forerunner 935 จนไปถึง Garmin Fenix 5 เป็นต้นไป ซึ่งจะรวม 3 โหมดกีฬาไว้ด้วยกัน ทั้ง วิ่ง , ปั่นจักรยาน และ ว่ายน้ำ โดยที่ไม่ต้องกดหยุดออกจากโหมด ใช้งานได้ต่อเนื่อง ถือว่าเป็นจุดเด่นที่นาฬิกาสำหรับไตรกีฬาควรมี

 

ติดตามสุขภาพระหว่างวัน

เมื่อสวมใส่ในชีวิตประจำวันแม้ไม่ได้ออกกำลังกาย สามารถตรวจเช็ตช้อมูลสุขภาพ และ กราฟระดับชีพจรย้อนหลัง 4 ชั่วโมง พร้อมดูผลรวมย้อนหลังถึง 7 วัน

 

สถานะฝึกซ้อม

เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติสำหรับการฝึกซ้อม ที่จะช่วยวัดผลลัพธ์ว่าการฝึกซ้อมมีประสิทธิภาพเท่าที่ควรหรือไม่ สามารถนำไปพัฒนา หรือ แก้จุดบกพร่องได้ทันที

 

Barometer และ เข็มทิศ

ติดตาม/ตรวจวัดความสูงจากระดับน้ำทะเล และ ค่าความกดอากาศ ซึ่งมีประโยชน์ต่อกิจกรรมกลางแจ้ง หรือ การวิ่งเทรล นั่นเอง

เข็มทิศในรูปแบบดิจิตอล ช่วยให้เข้าใจการเดินทางในสถานณ์ที่ใหม่
 

GPS

ใช้งาน GPS ในโหมดออกกำลังกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อติดตาม/แสดงผลข้อมูล ระยะทาง, ความเร็ว, PACE และ อื่นๆ

 

ปุ่มลัด

เพียงกดปุ่มซ้ายบนข้างไว้ในหน้าจอนาฬิกา จะพบกับเมนูลัดที่ทำให้เข้าถึงการใช้งานแบบเร่งด่วน

 

สรุป Forerunner 935

ถ้าคุณเองชอบออกกำลังกายและต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของการฝึกซ้อมให้ไปได้มากกว่า Garmin Forerunner 935 เป็นอีกหนึ่งคำตอบที่จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์ผลได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติเทียบเท่ารุ่นกับท็อปของ Garmin แตกต่างในด้านวัสดุที่เบาบาง และ ราคาที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานออกกำลังกาย รองรับตั้งแต่การใช้งานชีวิตประจำวัน โดยสามารถขยับไปสู่ไตรกีฬาได้ เรียกได้ว่าเพิ่มความท้าทายให้การออกกำลังกายไปได้อีกหลายเท่าตัว