เปรียบเทียบ Fitbit Ionic กับ Garmin Vivoactive 3 ท้าชนสมาร์ทวอทช์ออกกำลังกาย

ถึงคราวที่ Fitbit Ionic ต้องท้าชนกับ Garmin Vivoactive 3 ทั้ง 2 รุ่นเป็นสมาร์ทวอทช์ออกกำลังกายระดับราคาใกล้เคียงกัน ต่างฝ่ายต่างมีเอกลัษณ์เป็นของตัวเอง แต่จุดประสงค์หลักที่เหมือนกัน คือ การใช้งานในชีวิตประจำวันวัดระดับสุขภาพ และ การติดตามบันทึกผลการออกกำลังกาย ต้องมาดูกันว่ารุ่นไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้งานของคุณมากที่สุด ทางทีมงาน Tsmactive จึงได้สรุปและเปรียบเทียบให้ได้เข้าใจกันอย่างง่ายๆ

 

วัดอัตราการเต้นของหัวใจ

  • ทั้ง 2 รุ่นวัดชีพจรได้ตลอด 24 ชั่วโมงทั้งในโหมดกิจกรรมประจำวัน และ แสดงค่าชีพจรในโหมดกำลังกายแบบ Real-Time จึงทำให้เข้าใจระดับความเข้มข้นขณะทำกิจกรรมได้ชัดเจนFitbit Ionic : วัดได้ (PurePulse® Heart Rate) ติดตามได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  • Garmin Vivoactive 3 : วัดได้ (Garmin Elevate™) ติดตามได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

คุณภาพวัสดุ

  • ทางเทียบในด้านคุณภาพของวัสดุต้องยกให้กับ Fitbit Ionic ชนะเลิศด้วยงานประกอบที่แน่นหนา มีน้ำหนักพอดีกับการสวมใส่ ซึ่งวัสดุของ Garmin Vivoactive 3 ยังเป็นรองอยู่ แต่ยังคงคุณภาพตามที่ใช้งานได้ตามปกติFitbit Ionic : น้ำหนัก 47 กรัม / ตัวเรือนทั้งหมดทำจากอลูมิเนียม เกรด 6000 / หน้าจอ Gorilla Glass 3
  • Garmin Vivoactive 3 : น้ำหนัก 43 กรัม / ตัวเรือนทำจากโพลิเมอร์เสริมแรงเส้นใย และโลหะ /  หน้าจอ Gorilla Glass 3

 

ติดตามเส้นทาง (GPS/GLONASS)

  • ระบบ GPS มีมาให้อย่างจัดเต็ม 2 ระบบ ใช้สำหรับการออกกำลังกายกลางแจ้ง เมื่อนำไปทดสอบการจับสัญญาน Garmin Vivoactive 3 จับได้เร็วกว่า Fitbit Ionic เพียงเล็กน้อย โดยรวมคุณภาพของ GPS ยังให้ความแม่นยำอยู่พอสวมควรFitbit Ionic : มี (GPS/GLONASS)
  • Garmin Vivoactive 3 : มี (GPS/GLONASS)

 

กิจกรรมประจำวัน

  • โหมด Activity Tracking ทั้ง 2 รุ่น สามารถแสดง ค่าชีพจร, ก้าวเดิน, แคลอรี่, ระยะทาง, ชั้นบันได และ นาทีการออกกำลังกาย ได้อย่างครบถ้วน โดย Fitbit Ionic สามารถแสดงผลทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วทั้งบนหน้าปัดหลัก และ เมนู "Today " ต่างกับ Garmin Vivoactive 3 ที่แยกออกมาเป็นวิดเจ็ต และ หน้าปัดหลักFitbit Ionic : แสดงผลกิจกรรมประจำวัน ได้ครบถ้วน เข้าถึงการดูข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
  • Garmin Vivoactive 3 : แสดงผลกิจกรรมประจำวันจากวิดเจ็ต เลือกการดูข้อมูลได้ตามต้องการ

 

การกันน้ำของตัวเรือน

  • Fitbit Ionic และ Garmin Vivoactive 3 มาพร้อมโหมดสำหรับการติดตามว่ายน้ำ (Pool Swim) โดยเฉพาะ ที่ช่วยวัดระยะทางและนับรอบการว่ายน้ำของคุณFitbit Ionic : กันได้ลึกสูงสุด 50 เมตร
  • Garmin Vivoactive 3 : กันได้ลึกสูงสุด 50 เมตร

 

คุณสมบัติฟังเพลงจากนาฬิกา

  • กลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Fitbit Ionic ชนะใจใครหลายๆคน ที่สามารถโอนถ่ายเพลงจาก Play List บนคอมพิวเตอร์ มาเก็บไว้ใว้ในนาฬิกาเพื่อฟังจากหูฟังบลูทูธ โดยไม่จำเป็นต้องฟังเพลงจากสมาร์ทโฟนอีกต่อไป ส่วน Garmin Vivoactive 3 ทำได้แค่ควบคุมเพลงจากสมาร์ทโฟนเมื่อเชื่อมต่อบลูทูธเท่านั้นFitbit Ionic : บันทึกเพลงลงนาฬิกาได้กว่า 300 เพลง ฟังเพลงจากหูฟังบลูทูธ
  • Garmin Vivoactive 3 : ไม่สามารถฟังเพลงได้จากนาฬิกา

 

การควบคุมการใช้งาน

  • ระบบสัมผัสหน้าจอทั้ง 2 รุ่น ทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ Fitbit Ionic สามารถเข้าไปถึงการใช้งานได้อย่างรวดเร็วด้วยการสัมผัสหน้าจอและปุ่มใช้งาน 3 ปุ่มผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ส่วน Garmin Vivoactive 3 จะเน้นการสัมผัสหน้าจอเพื่อควบคุมเป็นหลัก โดยมีแถบด้านข้างใช้สำหรับเลื่อนดูข้อมูลเข้ามาช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วFitbit Ionic : หน้าจอสีระบบสัมผัส / ปุ่มควบคุม 3 ปุ่ม
  • Garmin Vivoactive 3 : หน้าจอสีระบบสัมผัส / ปุ่มควบคุม 1 ปุ่ม

 

สายสำรอง

  • ทั้ง 2 รุ่น สามารถเปลี่ยนสายได้ง่ายๆโดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือ ขนาดสายของ Garmin Vivoactive 3 มีเพียงขนาดเดียวเท่านั้น (Free Size) แต่ Fitbit Ionic ถูกแบ่งออกเป็น 2 ขนาด คือ S และ L โดยผู้ที่ซื้อ Fitbit Ionic จะได้รับสายทั้งสองขนาดอยู่ในกล่องให้เลือกใช้งานกับขนาดข้อมือที่เหมาะสมFitbit Ionic : มีสายสำรอง 1 สี (ต่างขนาด) ในกล่อง (มีออกวางจำหน่าย)
  • Garmin Vivoactive 3 : ไม่มีสายสำรองแถมในกล่อ

 

แบตเตอรี่

  • ต้องยอมรับว่าหน้าจอของ Fitbit Ionic ให้สีสันที่สดใสและสว่างมากกว่า Garmin Vivoactive 3 จึงทำให้แบตเตอรี่ขั้นพื้นฐานของ Ionic อยู่ได้น้อยกว่า Vivoactive 3 แต่ถ้าเทียบกับในเรื่องการใช้งาน GPS ต่อเนื่องถือว่าไม่ค่อยต่างกันมากFitbit Ionic : ใช้งานโหมดปกติได้สูงสุด 4-5 วัน / GPS 10 ชั่วโมง
  • Garmin Vivoactive 3 : ใช้งานโหมดปกติได้สูงสุด 7 วัน / GPS 11 ชั่วโมง

 

ระบบการแจ้งเตือน

  • ระบบการแจ้งเตือนของ Fitbit Ionic ในขณะนี้ยังรองรับเพียงภาษาอังกฤษเท่านั้น และยังไม่รองรับแอพต่างๆมาที่ควร ซึ่ง Garmin Vivoactive 3 นั้นสามารถรองรับได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษFitbit Ionic : รองรับการแจ้งเตือน สายเรียกเข้า/ข้อความ จากสมาร์ทโฟน (ภาษาอังกฤษเท่านั้น)
  • Garmin Vivoactive 3 : รองรับการแจ้งเตือน (Social Apps) จากสมาร์ทโฟน (ภาษาไทยและอังกฤษ)

 

หน้าปัด & แอพเสริม

  • หน้าปัดนาฬิาทั้ง 2 รุ่น มีให้เลือกรูปแบบหน้าปัดที่หลากหลาย โดยเลือกโหลดใช้งานเพิ่มเติมได้จากแอพของนาฬิกานั้นๆได้โดยตรง Garmin Vivoactive 3 เหนือกว่าตรงที่มีหน้าปัดนาฬิกาแถมมาจากเครื่อง ที่สามารถกำหนดช่องข้อมูลได้ด้วยตนเองอย่างอิสระFitbit Ionic : เลือกใช้งานผ่าน Fitbit Store ใน Fitbit App
  • Garmin Vivoactive 3 : เลือกใช้งานผ่าน Connect IQ ใน Garmin Connect App

 

โหมดกีฬามัลติสปอร์ต

  • โหมดกีฬาพื้นฐานอย่าง วิ่ง, ปั่น, ว่ายน้ำ และ ฟิตเนส ทั้ง 2 รุ่นใส่มาให้ครบ แต่ Garmin Vivoactive 3 มีจุดเด่นที่เหนือกว่าคือ โหมดกอล์ฟ ที่สามารถดาวโหลดสนามกอล์ฟมาแสดงบนหน้าปัดหน้านาฬิกาแบบหลุมต่อหลุม (วัดระยะการตี,บัตรลงคะแนน,การติดตามสถิติ และ ระยะทาง)Fitbit Ionic : วิ่ง/ปั่น/ว่าย/ฟิตเนส
  • Garmin Vivoactive 3 : วิ่ง/ปั่น/ว่าย/ฟิตเนส/กอล์ฟ

 

คุณสมบัติเพิ่มเติม

  • คุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับการออกกำลังกาย Garmin Vivoactive 3 จัดว่าใส่ลูกเล่นมาได้เหนือกว่า Fitbit Ionic ซึ่งคุณสมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ผู้ใช้งานจะเลือกใช้เพิ่มเติมกับออกกำลังกาย แต่โดยรวมแล้ว Fitbit Ionic ยังใช้งานออกกำลังกายได้อย่างครบถ้วนFitbit Ionic : Auto Pause , Cue Setting, Customize Status
  • Garmin Vivoactive 3 : Auto Pause/Auto Lap/HR zones/HR alerts/Customizable alerts/Auto scroll

 

การแสดงข้อมูลบนแอพ & การเชื่อมต่อ

  • App บนสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น สามารถบันทึกผลการออกกำลังกายไว้ดูย้อนหลังจากการซิงค์ข้อมูลระหว่างนาฬิกา โดย Fitbit App เน้นการแสดงผลที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ส่วน Garmin Connect App เน้นให้ข้อมูลออกกำลังกายที่ละเอียดกว่าFitbit Ionic : Fitbit App (Bluetooth, Wifi โอนถ่ายเพลง)
  • Garmin Vivoactive 3 : Garmin Connect App (Bluetooth เท่านั้น)

 

การเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม

  • สำหรับการใช้งานร่วมกับอุปรณ์เสริมอื่นๆนั้นต้องไปยกให้ Garmin Vivoactive 3 ที่รองรับอุปกรณ์เสริมได้อย่างครบกว่า ส่วน Fitbit Ionic ตัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมทุกอย่างออกเพื่อให้ใช้งานง่ายที่สุดไม่ซ้ำซ้อน  Fitbit Ionic : รองรับหูฟังบลูทูธเท่านั้น
  • Garmin Vivoactive 3 : รองรับเซนเซอร์ต่างๆเพิ่มเติมผ่าน Bluetooth Smart และ ANT+

 

สรุปทั้ง 2 รุ่นเหมาะสมกับใคร ?

  • Fitbit Ionic : สำหรับคนที่เน้นใส่ติดตามชีวิตประจำวันและออกกำลังกาย เช่น ฟิตเนส, วิ่ง, ปั่น และ ว่ายน้ำ ที่สำคัญรูปทรงและดีไซน์ให้ความรู้สึกถึงความหรูหราแบบเรียบง่าย ทำให้สวมใส่ใช้งานได้ทุกโอกาสไม่เฉพาะตอนออกกำลังกาย แถมยังเข้ากับเครื่องแต่งกายอื่นๆได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าดูทั้งภายนอกและสุขภาพ
  • Garmin Vivoactive 3 : สำหรับสวมใส่ชีวิตประจำวันและออกกำลังกายเช่นเดียวกัน เช่น วิ่ง, ปั่น, ว่ายน้ำ และ กอล์ฟ ด้วยขนาดเล็ก มีน้ำหนักที่เบาจนแถวลืมว่าสวมใส่อยู่ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคขณะออกกำลังกาย ดีไซน์อาจจะดูเหมือนนาฬิกาทั่วไป แต่ด้วยคุณสมบัติที่มีให้เลือกใช้ยังคงจัดเต็มอยู่แน่นอน