เจาะลึกสเปค Garmin Forerunner 235 กับ Garmin Forerunner 245 / 245 

ระหว่าง Garmin Forerunner 235 มีอะไรที่แตกต่างกับ Forerunner 245 บ้าง? ซึ่งทั้งคู่อยู่ในรุ่น 2XX ที่ใกล้เคียงกันพอสมควร ด้วยความนิยมของกลุ่มนักวิ่งยังคงเลือกใช้งาน Forerunner 235 อย่างต่อเนื่องด้วยคุณสมบัติ และ ราคา ที่ตอบโจย์ต่อการวิ่ง ซึ่งในปี 2019 Garmin ได้เปิดตัว Forerunner 245 และ Forerunner 245 Music ด้วยคุณสมบัติที่เรียกว่าใกล้เคียง แต่มีราคาที่สูงขึ้น ทีเอสเอ็มจะพาเพื่อนๆไขข้อสงสัยถึงความแตกต่างในหัวสำคัญกัน รับรองว่าทั้ง 2 รุ่นนี้เด็ดแน่นอน !!

 

01 | ลักษณะทั่วไป

Forerunner 235 เริ่มจำหน่ายในปี 2015 เมื่อเทียบกับ Forerunner 245 ที่เปิดตัวในปี 2019 ถือว่าห่างกันเกือบ 4 ปี ต่อให้เวลาผ่านมานานแค่ไหนกระแสความนิยมของ Forerunner 235 ยังมีผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง ด้วยราคาคุ้มค่าและคุณสมบัติที่เพียงพอสำหรับกีฬาวิ่ง

ขนาดตัวเรือนทั้ง 2 รุ่น ฝั่ง Forerunner 245 จะได้เปรียบที่มีขนาดบางลงเพียงเล็กน้อย การแสดงผลรูปแบบหน้าจอเหมือนกัน โดยทั้งคู่ควบคุมด้วปุ่มกด และ ไม่มีระบบทัชสกรีนเช่นกัน ซึ่ง Forerunner 245 จะถูกแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย อย่าง Forerunner 245 ปกติ และ Forerunner 245 Music ที่สามารถใส่เพลงได้มากถึง 500 เพลง โดยฟังจากหูฟังบลูทูธด้วยการเชื่อมต่อกับนาฬิกา

Forerunner 235

  • เปิดตัว ปี 2015
  • ราคา ฿8,690 (ไทย)
  • ขนาด 45 x 45 x 11.7 มม.
  • แสดงผลด้วยหน้าจอสี
  • ควบคุมด้วยปุ่มกด 5 ปุ่ม

Forerunner 245

  • เปิดตัว ปี 2019
  • ราคาประมาณ $400 (ต่างประเทศ)
  • ขนาด 42.3 x 42.3 x 12.2 มม.
  • แสดงผลด้วยหน้าจอสี
  • ควบคุมด้วยปุ่มกด 5 ปุ่ม

 

02 | การใช้งาน

ในด้านเซ็นเซอร์ที่มาพร้อมตัวเรือน จัดมาให้ครบทั้ง 2 รุ่น ทั้ง การวัดอัตราการเต้นหัวใจที่ข้อมือตลอด 24 ชั่วโมง และ ระบบ GPS สำหรับติดตามเส้นทาง, ระยะทาง และ ความเร็ว โดย Forerunner 245 ได้เพิ่มระบบ GPS อีก 1 ระบบ นั้นก็คือ GALIEO นั้นเอง ซึ่งจริงๆโอกาสได้ใช้งานจริงๆอาจจะไม่บ่อยนัก

สำหรับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ในด้านโหมดนาฬิกาทั่วไป ฝั่ง Forerunner 235 อยู่ได้นานกว่าถึง 9 วัน ส่วน Forerunner 245 จะน้อยกว่าเพียง 7 วัน แต่ในโหมดออกกำลังกายด้วย GPS ฝั่ง Forerunner 245 กลับอยู่ได้นานถึง 22 ชั่วโมง แต่ถ้าไม่ได้วิ่งนานต่อเนื่องตลอด Forerunner 235 ยังถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน

Forerunner 235

  • วัดอัตราการเต้นหัวใจที่ข้อมือ
  • ระบบ GPS/GLONASS
  • ไม่รองรับ PULSE OXMETER
  • โหมด Smart Mode สูงสุด 9 วัน
  • โหมด GPS สูงสุด 11 ชั่วโมง

Forerunner 245

  • วัดอัตราการเต้นหัวใจที่ข้อมือ
  • ระบบ GPS/GLONASS/GALILEO
  • รองรับ PULSE OXMETER
  • โหมด Smart Mode สูงสุด 7 วัน
  • โหมด GPS สูงสุด 22 ชั่วโมง

 

 

03 | การออกแบบ

สำหรับการชาร์จไฟ ฝั่ง Forerunner 235 เป็นรูปแบบสายชาร์จรูปแบบคลิปหนีบด้านข้างตัวเรือน ซึ่งเพิ่มความสะดวกสำหรับการชาร์จไฟขณะสวมใส่ไปพร้อมๆกัน แต่ทางด้าน Forerunner 245 ได้เปลี่ยนมาใช้การชาร์จไฟในรูปแบบช่องเสียบชาร์จบริเวณด้านหลัง 

การเปลี่ยนสาย Forerunner 235 จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เปลี่ยนสายสำหรับถอดออก ต่างกับ Forerunner 245 ที่เปลี่ยนมาใช้ระบบล็อคสายแบบ Quick Release และ ขนาดความกว้างของสาย Forerunner 235 ใหญ่กว่า Forerunner 245 เพียงเล็กน้อย 

ด้านวัสดุของ Forerunner 235 จะเป็นส่วนมากจะเป็นวัสดุโพลิมเมอร์เสริมแรง แต่ Forerunner 245 ได้เพิ่มวัสดุสแตนเลสสตีลในบางจุดเพิ่มเข้ามา โดยทั้งคู่รองรับการกันน้ำได้ถึง 50 เมตร เท่ากัน

 

Forerunner 235

  • ชาร์จไฟรูปแบบ  หนีบข้างตัวเรือน
  • ใช้ อุปกรณ์เพื่อเปลี่ยนสาย
  • สายกว้าง ขนาด 22 mm
  • ปุ่มกด วัสดุโพลิเมอร์ 
  • ระดับการกันน้ำ 50 เมตร

Forerunner 245

  • ชาร์จไฟรูปแบบ  ใต้ตัวเรือน
  • ไม่ใช้ อุปกรณ์เพื่อเปลี่ยนสาย
  • สายกว้าง ขนาด 20 mm
  • ปุ่มกด สแตนเลสสตีล
  • ระดับการกันน้ำ 50 เมตร

 

04 | คุณสมบัติพิเศษ

VO2Max ทั้ง 2 รุ่นนี้มีให้ใช้งานแน่นอน เพื่อเช็คความฟิตของร่างกายได้สะดวกยิ่งขึ้น โดย Forerunner 245 ได้เพิ่มเติมการติดตามในโหมดกิจกรรมว่ายน้ำ และ ระบบคำนวณ Max HR อย่างอัตโนมัติ ส่วนสายวิ่งเทรลอาจจะไม่เหมาะกับ 2 รุ่น เพราะไม่มี เซ็นเซอร์ Barometric Altimeter เพื่อติดตามความสูง และ สภาพอากาศ

Forerunner 235

  • มี VO2Max
  • ไม่มี ระบบจังหวะ (Metronome)
  • ไม่มี โหมดว่ายน้ำ
  • ไม่มีระบบ Auto Max HR
  • ไม่มี เครื่องวัดความสูง & บรรยากาศ

Forerunner 245

  • มี VO2Max
  • มี ระบบจังหวะ (Metronome)
  • มี โหมดว่ายน้ำ
  • มีระบบ Auto Max HR
  • ไม่มี เครื่องวัดความสูง & บรรยากาศ

 

 

05 | การฝึกซ้อม

ในด้านการประเมินฝึกซ้อมต้องยกให้กับ Forerunner 245 ที่จัดเต็มมาให้เกือบหมด ทั้ง สถานะการฝึกซ้อม Training Status & Training Load และ Aerobic / Anaerobic Effect ซึ่งได้เปรียบกว่า Forerunner 235 ในด้านการฝึกซ้อมเพียงเท่านั้น 

  • Training Load = ความหนักของการฝึกซ้อม
  • Training Status = ภาวะของการฝึกซ้อม
  • Training Effect = ผลการฝึกซ้อมแบบ Aerobic หรือ Anaerobic 

Forerunner 235

  • ไม่มี ฝึกซ้อมด้วย Garmin Coach
  • ไม่มี Training Status | Training Load
  • มี Aerobic Training Effect
  • ไม่มี Anaerobic Training Effect
  • มี Recovery Time

Forerunner 245

  • มี ฝึกซ้อมด้วย Garmin Coach
  • มี Training Status | Training Load
  • มี Aerobic Training Effect
  • มี Anaerobic Training Effect
  • มี Recovery Time

 

06 | อุปกรณ์เสริม

สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม ทางด้าน Forerunner 235 ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป ที่รองรับ Hrm-Dual สายคาดอกวัดชีพจร และ Speed & Cadenceเซ็นเซอร์จักรยาน วัดความเร็ว และ รอบขา ส่วน Forerunner 245 ได้เพิ่มเติม การวิเคราะห์ข้อมูลการวิ่งขั้นสูงด้วย Running Dynamics Pod และยังรองรับบอุปกรณ์ไฟจักรยานอย่าง Varia อีกด้วย

Forerunner 235

  • รองรับ Speed & Cadence
  • รองรับ HRM-Dual
  • ไม่รองรับ HRM-Swim
  • ไม่รองรับ Running Dynamics
  • ไม่รองรับ Varia

Forerunner 245

  • รองรับ Speed & Cadence
  • รองรับ HRM-Dual
  • ไม่รองรับ HRM-Swim
  • รองรับ Running Dynamics
  • รองรับ Varia

 

สรุป

ถ้าถามว่าเลือก Forerunner 235 เวลานี้ยังคุ้มค่าอยู่ไหม? ตอบได้เลยว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน เนื่องจากราคาที่ถูกลงกว่าเดิม และ ยังมีกลุ่มผู้ใช้งานจำนวนมาก ด้วยคุณสมบัติที่เหมาะกับการวิ่ง & ปั่นจักรยาน อย่างครบถ้วน โดยมี Forerunner 245 เป็นตัวเลือกสำหรับความใหม่ด้วยราคาที่สูงกว่าอยู่พอสมควร  และ ต้องการจริงจังกับการฝึกซ้อมมากขึ้นกว่าเดิม

 

Forerunner 235 เหมาะกับใคร ?

  • เริ่มต้นวิ่งเพื่อสุขภาพ
  • ราคาที่คุ้มค่า
  • ต้องการติดตามการวิ่งด้วยข้อมูลที่ครบถ้วน

Forerunner 245 เหมาะกับใคร ?

  • ต้องการนาฬิกาวิ่งรุ่นใหม่ ในราคาที่สูงกว่ารุ่นเดิม
  • เน้นการฝึกซ้อม จากการวิ่งปกติ
  • เพิ่มคุณสมบัติการฟังเพลงจากนาฬิกา (เฉพาะในรุ่นมิวสิค)