เครื่องนวดพกพาทั้ง 2 แบรนด์ ระหว่าง Hypervolt และ G3PRO ในต่างประเทศเป็นที่นิยมใช้งานอย่างจริงจัง ทั้งในด้านกายภาพบำบัด และ วิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งในประเทศไทยได้มีเครื่องนวดหลากหลายแบรนด์วางจำหน่ายกันอยู่แพร่หลาย ถ้าเทียบกันในเชิงคุณภาพ และ เทคโนโลยี ยังไงก็ต้องยกให้กับ Hypervolt และ G3PRO ที่ทางแบรนด์ได้คิดค้นให้ใส่ใจในเรื่องคุณภาพของการใช้งานเพื่อส่งต่อความผ่อนคลายที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ประโยชน์ได้ที่ได้รับจาก 2 รุ่นนี้ ?
จะขอแยกออกเป็น 3 ข้อหลักๆ เพื่อให้เห็นภาพของการนำเครื่องนวดไปใช้งานได้อย่างเกิดประโยชน์
- ฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บ : บรรเทาอาการปวด ส่งเสริมช่วงเคลื่อนไหวให้เป็นธรรมชาติ
- ฟื้นฟูจากการออกกำลังกาย : เตรียมกล้ามเนื้อให้พร้อม ก่อน/หลัง ออกกำลังกาย โดยไม่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บสะสม
- สุขภาพ : บรรเทาอาการปวดตามธรรมชาติ, การเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ และ คลายความเมื่อยล้า
Hypervolt+
รายละเอียด
- ต้นฉบับเครื่องนวด ด้วยนวัตกรรมเฉพาะ Hyperice เท่านั้น
- มาพร้อมความเงียบกว่าเครื่องนวดทั่วๆไป ด้วยเทคโนโลยี Quiet Glide™
- ปรับความเร็วได้ถึง 3 ระดับ สูงสุด 3200 ครั้งต่อนาที
- แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 3 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
- น้ำหนักเบา ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์
G3PRO
รายละเอียด
- พละกำลังในการนวดขั้นสูง ในระดับ 1750 & 2400 RPMs (Stall Force 60 lbs)
- ระดับมอเตอร์ความแรง 2 ระดับ (มอเตอร์เกรดอุตสาหกรรม)
- ปรับระดับองศาได้ 4 ระดับ เพื่อการรองรับทั่วร่างกายอย่างเต็มที่
- ใช้งานได้สูงสุดถึง 75 นาที พร้อมไฟสถานะเช็คจำนวนแบตเตอรี่
มาถึงตรงนี้ยังไม่รู้ว่าทั้ง 2 รุ่นแตกต่างกันยังไง? ทีมงาน TSMACTIVE ได้มีโอกาสลองใช้งานจริงๆ จึงนำประสบการณ์ที่ได้รับมาบอกต่อ เพื่อให้เพื่อนๆที่กำลังสนใจ เครื่องนวดพกพาทั้ง 2 แบรนด์ ตัดสินใจเลือกนำไปใช้งานได้ตรงความต้องการที่สุด!
01 | การออกแบบ
ระหว่าง Hypervolt กับ G3PRO จุดแตกต่างที่เห็นได้ชัด อยู่ตรงที่ดีไซน์ของตัวเครื่อง และ การจับถือ ซึ่งมีผลต่อการใช้งานเข้าถึงกลุ่มกล้ามเนื้อได้ทั่วร่างกาย ยิ่งมีดีไซน์ที่ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย ก็จะได้เปรียบกว่า
โดยรวมของการจับถือทั้ง 2 รุ่นนี้ จับแล้วให้ความรุ้สึกมั่นใจ แต่มีรูปแบบการจับถือแตกต่างกัน โดยทาง Hypervolt จะออกแบบให้จับถือเหมือนด้ามกระบองใหญ่ๆ ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับผู้ใช้งานที่ขนาดฝ่ามือเล็ก ส่วน G3PRO การจับถือจะแตกต่างกันโดยชิ้งเชิง รูปทรงจะเหมือนการถือแบบหิ้วมากกว่า จึงทำให้ถือได้ถนัดกว่า มีขนาดก้านจับที่เล็กกว่า Hypervolt อยู่พอสวมควร
- ทางฝั่ง G3PRO เลือกปรับมุมได้ถึง 4 ระดับ เพื่อเข้าถึงทุกส่วนของร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด
- แต่ Hypervolt ถูกจำกัดเพียงมุมเดียวเท่านั้น ซึ่งเวลาใช้งานจริง อาจจะต้องเอื้อมมือ หรือ ใช้ท่าในการนวดที่ไม่ถนัด
มาถึงในเรื่องคุณภาพวัสดุ อันนี้ต้องยกให้กับ G3PRO เป็นอันดับหนึ่ง ด้วยพื้นผิว และ คุณภาพ ที่แค่สัมผัส จับถือจริง รู้ได้ถึงความหรูหรา พรีเมี่ยมกว่า ส่วน Hypervolt ก็ไม่แย่จนรับไม่ได้ แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน ยังเป็นคงรอง เพราะพื้นผิวของ Hypervolt ในส่วนที่เป็นสีดำอย่างบริเวณด้ามจับแบตเตอรี่นั้น เป็นรอยเหงื่อได้ง่าย ต้องเช็คทำความสะอาดอยู่ตลอด
สรุปในเรื่องออกแบบ
- ถ้าต้องการดีไซน์ที่ล้ำๆ นำออกไปใช้งานได้หลากหลาย ยังไงก็ต้องเป็น G3PRO ชนะอย่างขาดลอย
- ส่วนสายเน้นใช้งาน ไม่ซีเรียสเรื่องดีไซน์ Hypervolt ถือว่าใช้งานได้ดี ไม่น้อยหน้าไปกว่ากัน ด้วยความเป็นต้นฉบับของการดีไซน์นั่นเอง
02 | การใช้งานทั่วไป
หลังจากที่ได้ทดลองใช้งานจริงกับ 2 รุ่นนี้แล้ว มีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร ต่างฝ่าย ต่างมีข้อดีเป็นของตัวเอง อันนี้ขึ้นอยู่ว่าคุณจะชอบข้อดีของรุ่นใด
เสียงมอเตอร์
- Hypervolt : ข้อดีที่ยกให้คือ "ความเงียบ" แต่ไม่ได้เงียบจนไม่ยินเสียงมอเตอร์อะไรเลย เพราะยังคงได้ยินเสียงการทำงานของมอเตอร์ปกติ เพียงแต่เสียงขณะใช้งานจะไม่รุนแรง และ ไม่ไปรบกวนบรรยากาศ เป็นเกณฑ์ที่รับได้
- G3PRO : เมื่อเทียบกับ Hypervolt ในเรื่องความเงียบ ต้องบอกว่า G3PRO เวลาใช้งานจริงๆ ค่อนข้างมีเสียงที่ดังกว่าอยู่สวมควร ด้วยรอบของมอเตอร์ที่ตั้งค่ามาด้วยความแรงสูงสุด เมื่อกดปรับอีกครั้งจะถูกลดความแรงลงมา แต่ยังคงมีเสียงรบกวน
แบตเตอรี่
ทั้ง 2 รุ่นนี้ ออกแบบให้สามารถพกพาออกไปข้างนอกบ้านได้ ด้วยการใช้งานจากแบตเตอรี่เป็นตัวผลักดันให้มอเตอร์ทำงาน โดยทางแบรนด์ทั้ง 2 นี้ บอกไว้ว่า Hypervolt ใช้งานแบตเตอรี่ชาร์จเต็มได้สูงสุดถึง 3 ชั่วโมง เพียงแบตเตอรี่ 1 ก้อน ส่วน G3PRO ใช้งานได้สูงสุดเพียง 75 นาที มาพร้อมแบตเตอรี่ 2 ก้อน
- Hypervolt : แบตเตอรี่จะออกแบบให้เป็นด้ามจับไปในตัว เวลาใส่แบตเตอรี่เข้าตัวเครื่องต้องออกแรงมากกว่าปกติ เพื่อให้ขั่วแบตเตอรี่ล็อคอย่างแน่นหนา เพื่อไม่ส่งผลต่อการใช้งาน
- G3PRO : ทำการบ้านมาดี ออกแบบช่องใส่แบตเตอรี่มาโดยเฉพาะ จะคล้ายๆแม็กกระสุนปืนนั่นเอง เวลาเปลี่ยน หรือ นำไปชาร์จ สะดวกสบายมาก
03 | อุปกรณ์ในกล่อง
ในกล่องของ Hypervolt จะเป็นหลุมาสำหรับวางอุปกรณ์มาให้ทั้งหมด โดยไม่ได้แถมกระเป๋ามาด้วย แต่ก็ให้อุปกรณ์หลักๆมาครบ ทั้งหัวนวดกว่า 4 ชิ้น และ อุปกรณ์สำหรับชาร์จแบตเตอรี่กับไฟบ้าน
ทางฝั่ง G3PRO ครบกว่านั้นอีก มาพร้อมกล่องอลังการงานสร้าง จัดเต็มกว่า Hypervolt ด้วยกระเป๋าพกพาที่ดูดี แท่นชาร์จไฟบ้าน และ แบตเตอรี่ถึง 2 ก้อน อีกทั้งยังมีกระเป๋าเล็กๆสำหรับใส่หัวนวดที่แถมมากว่า 5 ชิ้น
มาดูกระเป๋าพกพา หรือ Travel Case กันอีกมุม ให้ความรู้สึกถึงความหรูหราดูดี นำไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้จริง โดยแบ่งเป็น 2 ฝั่ง สำหรับว่าตัวเครื่อง และ อุปกรณ์เสริมต่างๆ
สรุปในเรื่องอุปกรณ์ที่ให้มา
- G3PRO : ครบกว่าอย่างแน่นอน เหมาะกับการพกพาอุปกรณ์ทั้งหมดไปพร้อมๆกัน ซึ่งเน้นการใช้งานนอกสถานที่เป็นหลัก
- Hypervolt : จะเหมาะกับการใช้งานแบบ Standalone คือ พกพาไปแบบพร้อมใช้งานได้ทันที ตัวเดียวจบ ไม่ต้องพกพาอุปกรณ์เสริมไปด้วย หรืออาจจะต้องหากระเป๋าอื่นๆมาใส่แทน
4 | ข้อดี / ข้อด้อย
ข้อดี
Hypervolt Plus
- ปรับระดับความแรงได้ 3 ระดับ สูงสุด 3200 ครั้งต่อนาที
- เซ็นเซอร์วัดแรงกด ทำงานตลอดกระบวนการนวด เพื่อรักษาแม่นยำต่อกลุ่มกล้ามเนื้อ
- เทคโนโลยี Quiet Glide ™ สัมผัสได้ถึงความเงียบ ไม่ทำลายบรรยากาศ
- เป็นต้นแบบดีไซน์ของการออกแบบลักษณะปืนนวดที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
ข้อติ
- วัสดุที่เป็นสีดำ เป็นรอยจากเหงื่อ หรือ รอยนิ้วได้ง่าย ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ
- ปุ่มการใช้งานที่ไม่มีความอำนวยความสะดวก (หยิบขึ้นมาใช้มือเดียวไม่ได้)
- อุปกรณ์ที่แถมมาในกล่อง ไม่ได้แถมกระเป๋า หรือ เคสพกพามาให้
G3PRO
ข้อดี
- รูปทรงที่อาจจะดูแปลกตา แต่โดยรวมแล้วใช้งานได้จริง และ สะดวกสบาย
- รอบการทำงานมอเตอร์ที่น้อยกว่า แต่ใช้งานจริงสัมผัสได้ถึงแรงกดที่หนักหน่วงกว่า
- เลือกปรับระดับมุมได้ถึง 4 ระดับ ช่วยให้เข้าถึงมุมการนวดได้ง่ายขึ้น
- อุปกรณ์ที่ในกล่อง ให้มาอย่างครบถ้วนโดยไม่ต้องชื้อเพิ่ม ใช้งานได้จริงทั้งหมด
- ปุ่มการใช้งาน ควบคุมได้ง่ายเพียงมือเดียว สามารถหยิบขึ้นมาใช้ได้ทันที
ข้อติ
- การใช้งานจริง มอเตอร์ค่อนข้างมีเสียงดัง
- เวลาปรับมุมองศาของหัวนวด ต้องออกแรงกดแล้วเลื่อนเปลี่ยนมุม
- แบตเตอรี่ความจุน้อย แต่ยังให้แบตเตอรี่มาทั้งหมด 2 ก้อน
สรุปปิดท้าย
หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับเครื่องนวดพกพาทั้ง 2 แบรนด์นี้แล้ว เพื่อนๆคงได้เห็นความแตกต่างที่เราได้นำไปลองใช้งานจริง ซึ่งจะมีความแตกต่างกับแบรนด์ทั่วๆไป ทั้งในเรื่องคุณภาพ และ เทคโนโลยี ที่ทางแบรนด์ได้คิดค้นพัฒนาเป็นของตัวเอง อาจจุมีราคาที่สูงกว่าแบรนด์ในท้องตลาดอยู่พอสมควร แต่ก็แลกมาด้วยประสบการณ์ที่ได้รับ ทั้งความผ่อนคลาย และ อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า