Forerunner 165 ถือว่าเป็นนาฬิกาวิ่งตระกูลใหม่จากแบรนด์ Garmin โดยขึ้นปกติแล้ว น่าจะใช้ชื่อรุ่นด้วยเลข 2 หลักเช่นเคย อย่าง Garmin Forerunner 55 และเป็น Forerunner 65 ที่พัฒนามาจากรุ่นเดิม แต่คราวนี้ใช้ชื่อรุ่น 1XX ใน Forerunner 165 นั้นเอง คาดว่าเป็นรุ่นเริ่มต้นสำหรับนาฬิกาวิ่งที่ใช้หน้าจอ AMOLED ที่ทันยุคสมัยมากยิ่งขึ้น

 

Garmin Forerunner 165 มีให้เลือกกี่แบบ?

รอบนี้ยังคงแบ่งออกเป็น 2 เป็นรุ่นย่อย (หลักๆ แตกต่างกันเพียงฟีเจอร์ฟังเพลงจากนาฬิกาเท่านั้น) ซึ่งมีราคาที่ต่างกัน

โดยมีขนาดเท่านั้นนี้

  • ตัวเรือน : 43 x 43 x 11.6 mm
  • หน้าจอ : 1.2" (30.4 mm)
  • ขนาดสาย : 20 mm (Quick Release)
  • ความละเอียด : 390 x 390 pixels
  • น้ำหนัก : 39 g

 

 

สีสันให้เลือกตามไลฟ์สไตล์

Forerunner 165 (Non Music)

  • Black/Slate Gray
  • Mist Gray/Whitestone
  • Berry/Lilac (สีใหม่)

 

Forerunner 165 (Music)

  • Black/Slate Gray
  • Mist Gray/Whitestone
  • Turquoise/Aqua (สีใหม่)

 

 

ทำความรู้จัก Garmin Forerunner 165

 

1. หน้าจอ

ในปี 2024 รุ่นที่เปิดตัวใหม่ในตระกูล Forerunner เปลี่ยนไปใช้หน้าจอ AMOLED แทบทั้งหมด รวมถึง Forerunner 165 ด้วยนั้นเอง รอบนี้มาในขนาด 1.2 นิ้ว (ความละเอียด 390×390 พิกเซล) พร้อมการควบคุมด้วยระบบสัมผัส และ 5 ปุ่มเช่นเดิม ซึ่งการเปลี่ยนไปใช้หน้าจอ AMOLED ทำให้การแสดงคมชัด และสีสันสดใสแบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับ Forerunner 55 หรือเก่าในอดีต

 

 

2. วัสดุ

Forerunner 165 เป็นนาฬิกาวิ่งรุ่นใหม่ที่ถูกสุดเมื่อเทียบกับ Forerunner 265 หรือ 965 ทำให้ต้องลดคุณภาพวัสดุลงไป เพื่อทำราคาให้ถูกลง และสามารถจับต้องได้มากขึ้น ซึ่งเลือกใช้วัสดุใกล้เคียงกับรุ่น Forerunner 55 ที่มีแข็งแรง ใส่ลุยวิ่งได้ไม่แพ้กัน

  • หน้าจอ : กระจก (Chemically Strengthened Glass)
  • ตัวเรือน : Fiber-reinforced Polymer

 

 

3. ระบบ GPS 

การใช้งานระบบดาวเทียม GPS พื้นฐานสำหรับ Forerunner 165 ถือว่าใส่มาให้ครบ เพียงแต่ตัดฟีเจอร์ที่มีประสิทธิภาพอย่าง SATIQ และ Multiband/Dual-Frequnecy ออกไป สำหรับรับดาวเทียมหลากหลายความถี่ แต่สำหรับการใช้วิ่งกลางแจ้งปกติ ยังถือว่าสามารถใช้งานติดตามตำแหน่งได้สบาย

การใช้งานแบตเตอรี่ในโหมด GPS

  • GPS-Only GNSS  : สูงสุด 19 ชม.
  • All-Systems GNSS : สูงสุด 17 ชม.

 

 

5. เซ็นเซอร์ติดตามภายใน

ภายในมาพร้อมเซ็นเซอร์ Garmin Elevate V4 แบบเดิมกับในรุ่นปกติที่ใช้งานกัน สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ตลอด 24 ชม. อีกทั้งไฟสีแดงสำหรับตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด หรือที่เรียกกันว่า Pulse Ox รวมไปถึงการการคำนวณอัตราการหายใจ และ HRV

 

 

6. โหมดกีฬา

การใช้งานออกกำลังกาย มีโหมดกีฬาให้เลือกหลากหลายเช่นเดิม ตั้งแต่กิจกรรมกลางแจ้ง หรือ Indoor ประเภทฟิตเนส ซึ่งจุดที่แตกต่างสำหรับรุ่นนี้ จะไม่มีโหมดมัลติสปอร์ต และไตรกีฬา แต่สามารถใช้โหมดประยุกต์แทนได้ (ภายมีเซ็นเซอร์  Barometric altimeter สำหรับวัดระยะสูงของบรรยากาศ)

โหมดกีฬาใน Forerunner 165 มีดังนี้

Run, Track Run,Treadmill, Virtual Run, Indoor Track, Trail Run, Ultra Run, Hike, Walk, Walk Indoor, Bike, Bike Indoor, Pool Swim, Open Water Swim, Cardio, Tennis, Pickleball, Padel, Strength, Yoga, Pilates, Breahwork, HIIT, Floor Climb, Elliptical, Stair Stepper

 

 

7. ฝึกซ้อม

สบายใจได้ในเรื่องการติดตามฝึกซ้อมทาง Garmin ยังคงใส่ได้ให้ใช้งาน ตั้งแต่ การวัด Running Dynamics แบบพื้นฐาน, ค่า VO2Max, การฝึกแบบ Inteval, PacePro รวมไปถึง Training Effect แต่ก็มีสิ่งที่ตัดออกไปในเรื่องการติดตามการฝึกซ้อมขั้นสูง อย่าง Training Status, Training Load features และ Training Readiness

 

 

สรุปเกี่ยวกับ Forerunner 165

ด้วยราคารุ่นเริ่มต้นที่เปิดมาไม่ถึงหมื่น จึงเป็นตัวเลือกสำหรับนาฬิกาวิ่งที่น่าจับตามองอีกหนึ่งรุ่น เนื่องด้วยถ้าขยับไป Forerunner 265 ราคาได้ก้าวกระโดดไปถึง 16,xxx บาท ทำให้มีช่องว่างของราคาค่อยข้างห่างไกล ซึ่งต้องถามตัวเองก่อนว่าได้ใช้ฟีเจอร์ในรุ่นสูงๆ หรือไม่ เพราะถ้าคุณใช้เพียงการวิ่งพื้นฐาน ไปถึงการวิ่งระดับกลาง ก็ยังถือว่าเพียงพอกับการใช้งาน Forerunner 165 ในราคาถูกกว่าเห็นได้ชัด

 

CR : dcrainmaker