Suunto 9 Peak Pro อัพเกรดความพรีเมี่ยมขึ้นใหม่ ต่อท้ายด้วยคำว่า "โปร" (Pro) จากรุ่นเดิม Suunto 9 Peak โดยยังคงใช้ดีไซน์ใกล้เคียงกับรุ่นเดิม จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง วันนี้ TSMACTIVE ได้รวบรวม 9 สิ่งใหม่ในบทความนี้ไว้แล้ว
ความเป็นมา
สำหรับ Suunto 9 Peak Pro ได้เดินทางมาถึง Gen 3 (เริ่มจาก 9 Baro, 9 Peak และ 9 Peak Pro) โดยจะเป็นรุ่นท็อปสุด จากแบรนด์ Suunto สำหรับสายมัลติสปอร์ต และวิ่งเทรล ที่รวบรวมฟีเจอร์ต่างๆไว้มากรุ่นอื่น
แบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อย (แตกต่างในด้านวัสดุเท่านั้น) มีขนาดตัวเรือนเท่านั้น และใช้สายขนาด 22mm ที่สามารถถอดได้ง่าย โดยไม่ใช้เครื่องมือ
รุ่นปกติ
- สีดำ (All Black)
- สีน้ำเงินเข้ม (Ocean Blue)
- สีครีม (Pearl Gold)
- สีเขียว (Forest Green) เป็นสีเดียวเท่านั้น ที่มาพร้อมสายผ้า
วัสดุตัวเรือนเป็นสแตนเลส และหน้าจอคริสตัลแซฟไฟร์
รุ่นไทเทเนียม
- สีเทาเข้ม (Slate)
- สีเทาอ่อน (Sand)
วัสดุไทเทเนียม มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นปกติถึง 9 กรัม
1. อัพเกรดใหม่
ถ้าดูดีไซน์แต่ภายในของ Suunto 9 Peak Pro มีความคล้ายกับรุ่นเดิมอย่างมาก แต่ภายในนั้นได้ถูกการปรับเปลี่ยนให้เป็นรุ่นใหม่
- โปรเซสเซอร์ใหม่ ประมวลผลการใช้งานได้รวดเร็วขึ้น
- Optical Sensor สำหรับวัดชีพจร จาก LifeQ รุ่นใหม่ล่าสุด
- ซิปเซ็ต GNSS ระบบนำทางด้วยดาวเทียม จากโซนี่ รองรับดาวเทียมได้หลากหลาย
- ใช้ระบบ All System กับดาวเทียมพร้อมกันได้ถึง 4 ระบบ และเชื่อมต่อดาวเทียมสูงสุด 32 ดวง ในคราวเดียวกัน
ทำให้มีความแม่นยำมากขึ้น รองรับการใช้งาน GPS ได้ครอบคลุม เช่น รอบใต้ตึกสูงๆ หรือหุบเขาที่ความซับซ้อน สำหรับการเปลี่ยนโปรเซสเซอร์ และเซ็นเซอร์ต่างๆ ยังคงประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ ใช้งานยาวนานกว่าเดิม
2. ตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น
ทาง Suunto ได้เลือกปรับเปลี่ยนโปรเซสเซอร์ใหม่ ทำให้อาการหน่วงลดน้อยลงกว่ารุ่นเดิม เช่น การสัมผัสเลื่อนดูข้อมูล หรือกดเข้าเมนู มีความลื่นไหนขึ้น หน้าจอมีความสว่างสดใสขึ้น ทำให้ดูข้อมูลชัดเจนในขณะออกกำลังกาย และถ้าสังเกตดีๆ เมนู Interface ได้ปรับเปลี่ยนใหม่ เพิ่มไอคอนใหม่, ฟอนต์และตัวเลขที่ใหญ่ขึ้น ดูอ่านง่ายกว่าเดิมๆ
3. แข็งแกร่ง ทนทาน
Suunto 9 Peak Pro นับเป็นรุ่นแรกของนาฬิกามัลติสปอร์ตจาก Suunto ที่ได้รับการทดสอบ Military-Grade Standard ตามมาตรฐานความแข็งแกร่งทางทหาร ในเรื่องความทนต่อการกระแทก, การตกกระทบ, ทนต่อสภาพอากาศ และมีขั้นตอนการทดสอบต่างๆ อีกมากมาย เพื่อพิสูจน์ว่าอุปกรณ์ที่นำมาทดสอบนั้นผ่านมาตรฐานสูงสุดของทางการทหาร ทำผู้ใชงานมั่นใจได้ว่าสวมใส่ได้ทุกสถานการณ์ และทุกสภาพแวดล้อม
4. แบตเตอรี่อึดขึ้น
- ใช้งานปกติใน Time Mode สูงสุด 30 วัน (จากรุ่นเดิม 9 Peak สูงสุด 14 วัน)
- สวมใส่ในในชีวิตประจำวัน รูปแบบ Smartwatch Mode สูงสุด 21 วัน (จากรุ่นเดิม 9 Peak สูงสุด 7 วัน)
และโหมดกิจกรรม GPS แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ทั้ง Performance, Endurance และ Tour ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 300 ชม. ซึ่งเหมาะกับการสวมใส่ผจญภัย หรือการแข่งขันนานข้ามวัน โดยไม่ต้องห่วงเรื่องชาร์จแบตเตอรี่
5. ระบบชาร์จเร็ว
หมดปัญหา ลืมชาร์จแบตเตอรี่ก่อนงานแข่งขัน เพราะครั้งนี้ Suunto 9 Peak Pro ได้เพิ่มระบบ Fast Charging เทคโนโลยีการชาร์จเร็วเข้ามาใหม่
- ชาร์จเพียง 10 นาที สามารถใช้งานได้ต่อ นานสูงสุด 10 ชม.
- ชาร์จจาก 0-100% ได้ในเวลา 1 ชม. เท่านั้น
ข้อดีของระบบ Fast Charge ถ้าเรามีเวลาชาร์จเร่งด่วน เพียง 7 นาที ก็สามารถใส่จบการแข่งขันฟูลมาราธอนได้
6. โหมดกีฬา
รองรับกิจกรรมการผจญภัย ฝึกซ้อม แข่งขัน และออกกำลังกายประเภทฟิตเนส ซึ่งทำให้เราเลือกโหมดใช้งานให้ตรงกับกิจกรรมได้สะดวกขึ้น อีกทั้งสามารถกำหนดโหมดในแบบที่ต้องการได้
7. โหมดดำน้ำ
เพิ่มโหมด Snorkeling และ Freedive เพื่อวัดความลึก, เวลา,รอบ, อุณหภูมิ และอื่นๆ สำหรับการดำน้ำ โดยติดตามการดำน้ำตื้นในความลึก 10 เมตร บนความแม่นยำที่สูงสุด
เหมาะกับการเริ่มฝึกซ้อม หรือใช้งานจริงในกิจกรรมดำน้ำ ลงไปดูปะการัง เมื่อลงสู่ใต้น้ำ 9 Peak Pro จะเริ่มวัดความลึก พร้อมแสดงโซน รุ่นนี้รองรับความแม่นยำได้ถึง 10 เมตร (ถ้าลึกเกินไปกว่านั้น นาฬิกาจะแสดง >10) นอกจากนี้ยังสามารถติดตามจำนวนไดรฟ์ อุณหภูมิ เวลาใต้น้ำ เวลาทั้งหมด เวลาบนผิวน้ำ เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรม ซิงค์กับ Suunto app เพื่อดูกราฟสถิติความลึก และข้อมูลต่างๆ
8. Power Watt
สำหรับสายซ้อมจริงจัง รุ่นนี้สามารวัด Power Watt ได้โดยตรงจากข้อมือ เพื่อแสดงค่าพลังงานแบบเรียลไทม์ และตั้งค่าโซนต่างๆได้ โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมขณะใช้งาน
9. ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
สำหรับรุ่นผลิตที่ประเทศฟินแลนด์เช่นเดิม ผลิตขึ้นในรูปแบบ Renewable Energy ใช้พลังงานหมุนเวียนจากธรรมชาติ 100% และ Carbon Footprint ลดมลพิษในการผลิต โดยไม่ปล่อยคาร์บอนทำลายสิ่งแวดล้อม
สรุป
Suunto 9 Peak Pro ยกให้เป็นนาฬิกา GPS มัลติสปอร์ตที่เหมาะกับการผจญภัย วิ่งเทรล และกิจกรรมใต้น้ำ ที่มีความบางเบามากที่สุด และยังมาพร้อมความทนทานได้ทุกสภาพแวดล้อม ด้วย Nordic Design กลมกลืนกับการสวมใส่ได้ทุกๆวัน