Suunto 5 Peak ผสมผสานการใช้งานระดับนักกีฬาเข้ากับสมาร์ทวอทซ์ยุคใหม่ที่สามารถสวมใส่ใช้งานได้ทุกวัน การกลับมาครั้งนี้ของ 5 Peak มีขนาดที่เล็กลง รองรับข้อมือได้ทุกขนาด พร้อมคุณสมบัติที่อัดแน่นกว่าเดิม จะมีอะไรบ้างทีมงาน Tsmactive ได้สรุปอยู่ในบทความนี้หมดแล้ว
ประวัติของ Suunto 5 Peak
สำหรับคนที่เคยรู้จักแบรนด์ Suunto มาบ้าง ต้องเคยได้รู้จัก Suunto Spartan Trainer รุ่นนี้กันมาบ้าง ยกให้เป็นนาฬิการุ่นเริ่มต้นที่ยกความสามารถของนาฬิกามัลติสปอร์ตของรุ่นแพงๆมาไว้ จึงทำให้ในขณะนั้นได้รับความนิยมอย่างสูง และเป็นรุ่นขวัญใจคนรักการวิ่ง ต่อมาจึงได้เปิดตัวรุ่นใหม่ๆที่อัพเกรดประสิทธิภาพมาถึงปัจจุบัน
- Suunto Spartan Trainer : ปี 2560 เป็นรุ่นยอดนิยมที่ทำให้คนรู้จักแบรนด์ Suunto ด้วยราคาและคุณสมบัติที่คุ้มค่าที่สุดในขณะนั้น รองรับการใช้งานสำหรับผู้เริ่มต้นไปจนถึงระดับการแข่งขัน
- Suunto 5 : ปี 2562 เปิดตัว Suunto รุ่นใหม่ซึ่งมาใหม่แทนรุ่น Spartan Trainer โดยได้อัพเกรดวัสดุและฟังก์ชั่นการใข้งานใหม่ๆ พร้อมแก้ไขปัญหาต่างๆของสายให้ทนทานมากขึ้น
- Suunto 5 Peak : ปี 2565 ได้เปิดตัว Suunto 5 ที่ต่อท้ายด้วยคำว่า Peak ที่มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้บางเบาลง พร้อมอัพเกรดเฟิร์มแวร์ใหม่ๆรองรับการใช้งานในอนาคต
สเปคนาฬิกา
มาครั้งนี้ Suunto 5 Peak ได้ปรับเปลี่ยนดีไซน์ภายนอกใหม่ ให้มีความคล้ายคลึงกับ Suunto 3 และ Suunto 9 Peak โดยตอบโจทย์ความบางเบา สวมใส่สบาย รองรับข้อมือได้ทุกขนาด
- หน้าปัด : 43 mm
- น้ำตัวเรือน : 39 กรัม
- ขนาดหน้าจอ : 1.1นิ้ว
- ความละเอียด : 218×218 พิกเซล
- สาย : รูปแบบใหม่ ขนาด 22 mm (เปลี่ยนโดยไม่ใช้เครื่องมือ)
- การควบคุม : 5 ปุ่ม
- เซ็นเซอร์ติดตามชีพจร : ตลอด 24 ชม. Valencell Sensor
- ระบบ GPS : GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, Beidou
- กันน้ำได้สูงสุด : 30 เมตร
มีให้เลือก 6 สี
ทุกสีของ Suunto 5 Peak มีราคาเท่ากัน สามารถเลือกสีสันให้เข้าไลฟ์สไตล์ได้ง่ายขึ้น โดยแตกต่างที่กรอบหน้าปัด, ตัวเรือน และสายนาฬิกา
- Cave Green : สีเข้มอมฟ้าเข้มๆ
- Dark Heather : สีเท้าเข้ม
- Black : สีดำขอบเงิน
- Ridge Sand : สีเทาสว่าง
- Ridge Sand Multicolor : สีเทาพร้อมสายลวดลาย Multicolor
- Ochre : สีส้มสว่าง
ความแตกต่าง
สังเกตได้ว่า Suunto 5 Peak เป็นนาฬิกรุ่นที่มีน้ำหนักตัวเรือนเบาที่เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆของแบรนด์ Suunto แต่ยังรองรับการใช้งานได้ยาวนานเช่นเคย แม้ดีไซน์ตัวเรีอนมาให้บางเบากว่าทุกๆรุ่น
เจาะลึกการเปรียบเทียบ
ขอยกมา 3 รุ่น มาเปรียบเทียบแล้วเจาะลึกเพื่อประกอบการตัดสินใจของเพื่อนๆ เริ่มที่ Suunto 5 Peak, Suunto 5 และ Suunto 9 Peak รุ่นที่ใหญ่สุด
เมื่อนำ Suunto 5 Peak และ Suunto 5 มาเปรียบเทียบกับ Suunto 9 Peak จะมีสิ่งที่แตกต่างหลักอยู่ที่หน้าจอระบบสัมผัส, วัสดุตัวเรือนทนทานกว่า และเซ็นเซอร์สำหรับติดตามสภาพแวดล้อมในพื้นกลางแจ้ง
7 สิ่งใหม่ที่น่าสนใจใน Suunto 5 Peak
1. เล็กลงกว่าเดิม
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับดีไซน์รูปแบบใหม่ ที่บางลงถึง 12.9 มม. เมื่อเทียบกับ Suunto 5 (รุ่นเดิม) ที่มีขนาด 14.6 มม. คราวนี้ผู้ใช้งานที่ข้อมือเล็กก็สามารถเลือกใช้งานรุ่นนี้ได้แบบไม่ต้องกังวัลอีกต่อไปแล้ว
2. สายรูปแบบใหม่ ไม่หักแล้ว
จากรุ่นเดิม Suunto 5 ที่ต้องเสียเวลาหาเครื่องมือมาเปลี่ยนสาย และมีโอกาสทำให้ตัวเรือนเสียหาย คราวนี้ใน Suunto 5 Peak มีการเปลี่ยนไปใช้งานสายในรูปแบบ Quick release ในขนาด 22mm ทำให้เปลี่ยนได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ เพียงแค่ใช้เล็บปลดสลักเพื่อยึดสายเข้ากับตัวเรือน
3. ระบบ GPS ใหม่ ซ่อนอยู่ในนาฬิกา
อีกหนึ่งความหวังดีของ Suunto รุ่นก่อนๆ ที่จะทำให้การรับสัญญาณ GPS ได้มีประสิทธิภาพ ทางแบรนด์จึงจำเป็นต้องเอาเสาสัญญาณมาอยู่บนสายนาฬิกา ซึ่งมีข้อเสียสำหรับของดีไซน์ที่ดูเถอะถะ โดย Suunto ได้ยอมเปลี่ยนตำแหน่งเสาอากาศ GPS ในรุ่น Suunto 5 Peak ให้มาซ่อนอยู่ในตัวเครื่อง ทำให้นาฬิกามีขนาดบางลง พร้อมอัพเกรดซิปเซ็ต GPS จาก Sony พร้อมระบบดาวเทียมเพิ่มเติมอย่าง GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, Beidou รองรับการรับสัญญาณได้ครอบคลุมมากขึ้น
4. โหมด GPS แบบใหม่
พอมีการอัพเกรดระบบ GPS ให้ทันสมัยขึ้นแล้ว ใน Suunto 5 Peak ได้เพิ่มโหมด “Tour" เพื่อติดตาม GPS ได้นานสูงสุดถึง 100 ชั่วโมง รองรับการใส่ออกกำลังกายหรือติดตามระยะทางได้แบบข้ามวันโดยไม่ต้องหาที่ชาร์จอีกต่อไป
5. แบตเตอรี่อึดขึ้น
เมื่อเข้าโหมด GPS ออกกำลังกาย สามารถเลือกการใช้งานโหมดแบตเตอรี่ได้ถึง 3 โหมด เริ่มตั้งแต่ 20 ชั่วโมง จนไป 100 ชั่วโมง โดยมีข้อดีทำให้แบตเตอรี่ยาวนาน แต่ต้องแลกกับการบันทึกตำแหน่งที่ช้าลงกว่าโหมด GPS ปกติ
- ใช้งานปกติ : สูงสุด 10 วัน
- ติดตามสุขภาพ : สูงสุด 7 วัน
- โหมด GPS : สูงสุด 20 ชม. / 40 ชม. / 100 ชม.
6. อัพเดทเฟิร์มแวร์ผ่านสมาร์ทโฟน
เมื่อก่อนนาฬิกา Suunto ทุกรุ่นต้องเสียบสายเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่ออัพเดทเฟิร์มแวร์ผ่านโปรแกรม Suunto Link แต่ในรุ่นใหม่ๆของ Suunto สามารถอัพเดทแบบไร้สายผ่าน Suunto app บนสมาร์ทโฟนได้แล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เราใช้งานได้ง่ายขึ้น
7. รองรับ Suunto Plus
Suunto Plus เป็นโปรแกรมการฝึกซ้อมจาก Suunto อาทิเช่น SuuntoPlus Burner สำหรับการดูการใช้พลังงานระหว่างไขมันและคาร์โบไฮเดรต และ SuuntoPlus Ghost Runner จะเป็นการฝึกซ้อมการควบคุมความเร็ว และ Snap to Route ฟังก์ชั่นการนำทางตามเส้นทางที่เราวางแผนไว้
จุดเด่น
- นำระบบการใช้งานต่างๆมาจากรุ่นท็อปอย่าง Suunto 9 Peak
- การแสดงผลดีขึ้นกว่า Suunto 5
- อัพเดทเฟิร์มแวร์ด้วย Suunto app บนสมาร์ทโฟน
- น้ำหนักเบาและกะทัดรัดมากกว่าเดิม
ข้อสังเกต
- หน้าจอขนาด 1.1นิ้ว ที่ค่อนข้างเล็ก
- บางเมนูตอบสนองช้า
สรุป
ใครที่ชอบนาฬิกา GPS มัลติสปอร์ตราคาและตัวเรือนเบาๆ ดีไซน์ยุโรปจากประเทศฟินแลน์ ขอแนะนำ Suunto 5 Peak ด้วยฟังก์ชั่นและลูกเล่นที่ไม่ซับซ้อน ใช้งานง่าย คัดแต่คุณสมบัติที่ต้องใช้งานมาแบบเน้นๆ กล้าที่จะแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ จึงทำให้แบรนด์ Suunto ยังครองใจนักกีฬาหลายๆคนอยู่ และมาคราวนี้มีสีให้เลือกถึง 6 สี สีสันสวยงาม มีความแฟชั่นเก๋ๆ ใส่ไปทำงาน ใส่ไปออกกำลังกายก็สบาย