อยากออกกำลังกายที่บ้าน ฟิตให้สุขภาพดี สร้างภูมิคุ้มกัน แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี? มาลองด้วยวิธีง่ายๆที่ช่วยสร้างแรงจูงใจ พร้อมตั้งเป้าหมายให้สำเร็จ ด้วยนาฬิกาออกกำลังกายที่เสมือนเป็นโค้ชคอยรายงานข้อมูลการออกกำลังกายบนหน้าปัดนาฬิกา และยังเก็บสถิติแบบละเอียดไว้บนสมาร์ทโฟนที่สามารถดูได้ทุกเวลา โดยไม่ต้องมาคอยจดบันทึกเอง จนอาจทำให้รู้สึกไม่สะดวกและล้มเลิกการออกกำลังกาย ถ้ามีนาฬิกาออกกำลังกายอยู่บนข้อมือแล้ว ไปดูมีวิธีออกกำลังกายที่บ้าน ด้วยนาฬิกากันได้เลย!
ติดตามกิจกรรมในช่วงเวลาออกกำลังกาย
นอกจากการติดตามในชีวิตประจำวันอย่างนับจำนวนก้าวเดิน, แคลอรี่ที่เผาผลาญ หรือ อัตราการเต้นของหัวใจ ที่ถูกติดตามอัตโนมัติเพียงใส่ไว้บนข้อมือเท่านั้น นาฬิกาออกกำลังกายยังมีโหมดกีฬา/กิจกรรม ให้ได้เลือกใช้ตามประเภท เพื่อติดตามในช่วงขณะเวลาที่เราออกกำลังกายโดยเฉพาะ ซึ่งจะได้ข้อมูลที่ละเอียดและเจาะจงตามกิจกรรมนั้นๆ พร้อมแสดงสถิติแบบเรียลไทม์ให้ได้เห็นขณะออกกำลังกาย
ไม่ลืมว่าเดือนที่แล้วออกกำลังกายอะไรไปบ้าง
อย่างในรุ่น Fitbit Versa 2 เมื่อเข้ามาในโหมด Exercise จะพบกับโหมดออกกำลังกายให้ได้เลือกใช้ตามกิจกรรม ถ้าเป็นการออกกำลังกายที่บ้าน อย่างการเต้นแอโรบิค, คาร์ดิโอ หรือ บอดี้เวท ก็แนะนำให้เลือกใช้โหมด Weights หรือ Workout เพื่อได้ข้อมูลแสดงผลที่ครบถ้วน พร้อมบันทึกสถิติทุกครั้งที่ได้ออกกำลังกาย
สถิติอยู่บนข้อมือ ไม่หายไปตามอากาศ
ในนาฬิการุ่น Garmin Forerunner 245 เมื่อใช้งานในโหมดออกกำลังกาย อย่างโหมดวิ่งบนลู่วิ่ง (Treadmill) ที่บ้าน ข้อมูลที่แสดงผลบนหน้าปัดนาฬิกาจะมีความคล้ายกับข้อมูลบนแผงหน้าปัดของลู่วิ่งบางรุ่น ที่บ่งบอกถึงสถิติที่ได้ออกกำลังกายไป อย่างเช่น ระยะทาง, ความเร็ว, Paceโดยอ้างอิงจากการเคลื่อนไหว และ ระดับขีพจรจากการวัดบนข้อมือ โดยสถิติทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้บนนาฬิกาเพื่อเตรียมซิงค์เข้าสู่สมาร์ทโฟนเมื่อเข้าแอพพลิเคชั่นของนาฬิการุ่นนั้นๆ ซึ่งจะแตกต่างกับสถิติบนลู่วิ่ง ที่เมื่อกด Stop จะสรุปผลลัพธ์ให้ได้ทราบเพียงช่วงเวลานั้นเท่านั้น ข้อมูลจะไม่ถูกบันทึกให้ดูย้อนหลังจากประวัติการออกกำลังกายได้
บันทึกสถิติออกกำลังกาย
ในสมัยก่อน ก่อนที่จะมีนาฬิกาออกกำลังกายให้ได้ใช้งานอย่างทุกวันนี้ การออกกำลังกายที่บ้านสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมานั่งจดสถิติการออกกำลังกายลงไดอารี่ เพื่อบันทึกข้อมูล เก็บสถิติการออกกำลังกายทุกๆครั้งเมื่อออกกำลังกายเสร็จสิ้น ได้เพียงข้อมูลเวลา และ โปรแกรมการออกกำลังกายเท่านั้น เมื่อมีนาฬิกาออกกำลังกายเข้ามาให้ได้ใช้งาน จะทำให้การออกกำลังกายที่บ้านมีเป้าหมายที่ชัดเจน จากการวัดผลลัพธ์ได้ อีกทั้งไม่ต้องมาเสียเวลาจดจำสถิติที่คาดเดาด้วยตนเองอีกต่อไป
หลังจากออกกำลังกาย ได้ข้อมูลที่สูญเสียเหงื่อ
เมื่อเข้าโหมดออกกำลังกาย หลังจากติดตามการออกกำลังกายจนเสร็จสิ้น เพียงกดหยุด และทำการบันทึกบนนาฬิกา ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บไว้เป็นประวัติย้อนหลังบนนาฬิกา (Forerunner 245) เมื่อมีโค้ชมาคอยสรุปให้ได้ทราบทันทีว่าการออกกำลังกายที่ผ่านมาเพียงพอ หรือ มากเกินไป ด้วยสถิติจากระดับชีพจร, แคลอรี่ที่เผาผลาญ และอื่นๆ
แสดงสถิติ แนวโน้มจากวันแรกที่ออกกำลังกาย
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ เป็นข้อมูลเฉพาะทางสำหรับนาฬิกาออกกำลังกายโดยเฉพาะ จะไม่เหมือนกับการออกกำลังกายด้วยแอพบนสมาร์ทโฟน ที่ถูกคิดค้นจากการตรวจวัดด้วยเซนเซอร์ต่างๆบนนาฬิกา จนทำให้การออกกำลังกายที่บ้านอย่างการวิ่งบนลู่วิ่ง สามารถพัฒนาให้ประสิทธิภาพขึ้นได้ มากกว่าการวิ่งไปวันๆโดยไม่รู้จักฟอร์มการวิ่งของตัวเอง
กำหนดเป้าหมาย
เคยไหม? อย่างตั้งเป้าหมายลดน้ำหนัก อย่างการออกกำลังกายที่บ้าน ให้เผาผลาญได้สัก 300 แคลอรี่ แต่ก็ล้มเลิกความตั้งใจไปเพราะทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ ด้วยไม่รู้ถึงพลังงานที่สูญเสียไปอย่างแท้จริง ด้วยไม่มีสถิติใดๆให้อ้างอิง เพื่อมาเป็นเป้าหมายได้
ทำตามเป้าหมาย ดีกว่ารู้สึกไปเอง
อย่างในรุ่น Fitbit Versa 2 ก่อนจะเริ่มออกกำลังกาย จะมีฟังก์ชั่นเป้าหมาย (Goal) ให้ได้กำหนดก่อนออกกำลังกาย อย่างการตั้งเป้าหมายของ เวลา และ แคลอรี่ ซึ่งในขณะออกกำลังกายจะเห็นได้ชัดเจนว่าขณะนั้น ได้ทำครบตามเป้าหมายหรือยัง ซึ่งจะช่วยให้ใช้พลังงานออกกำลังกายอย่างเต็มที่ และ มีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้น มากกว่าการคิดไปเองว่าเพียงพอแล้ว
แจ้งเตือนชีพจร
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่คนใช้นาฬิกาออกกำลังกายใช้งานกัน เพื่อควบคุมระดับชีพจรให้อยู่ในโซนเป้าหมาย โดยแบ่งออกเป็น 5 โซน ในแต่ล่ะโซนถ้าควบคุมให้อยู่ในโซนจะมีผลดีแตกต่างกัน อย่างเช่น การคุมชีพจรให้อยู่ใน โซน 2 (60-70% of Max HR) เพื่อลดน้ำหนัก ดึงไขมันไปเผาผลาญ อย่างนาฬิกาในรุ่น Garmin Vivoactive 4 จะมีคุณสมับัติแจ้งเตือน HR เมื่อระดับชีพจรต่ำ หรือ สูง กว่าโซนที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ออกกำลังกายนั้นใช้พลังงานได้สม่ำเสมอ ไม่หนักเกินไป หรือ ไม่ออกแรงเท่าที่ควร
ออกกำลังกายตามโปรแกรมฝึกซ้อม
ถ้าการออกกำลังกายอยู่ที่บ้านแบบเดิมๆรู้สึกไม่สนุก อยากเพิ่มแรงจูงใจให้มากขึ้น เมื่อลองใช้นาฬิกาออกกำลังกายติดตามไปสักพักแล้วรู้สึกไม่ท้าทาย อยากให้ลองใช้โปรแกรมฝึกซ้อมในแบบฉบับกีฬาดูบ้าง โดยไม่ต้องจ้างโค้ชมาวางแผนให้ คุณก็ฝึกซ้อมได้ด้วยตัวเองที่บ้าน
กระตุ้นร่างกายด้วยการออกกำลังกายใหม่ๆ
อย่างในรุ่น Suunto 5 จะมีโหมดการฝึกซ้อม interval ที่นิยมใช้งานในปัจจุบัน สำหรับการฝึกแบบหนักและเบาสลับกันไป เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายได้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากการออกกำลังกายแบบปกติมาเป็นเวลานาน ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ใช้งานไม่ยาก และมีนาฬิกาหลายๆรุ่นที่รองรับการฝึกซ้อมในรูปแบบนี้ด้วย
ภาพแอนิเมชั่นสอนออกกำลังกาย
จะดีกว่าไหม ? ถ้ามีภาพเคลื่อนไหวสอนท่าทางการออกกำลังกายให้คุณได้ดูก่อน และทำตามไปพร้อมๆกัน ซึ่งปัจจุบันนี้มีฟังก์ชั่นนี้แล้ว อยู่ในนาฬิกา รุ่น Garmin Vivoacitve 4 / 4S และ Garmin VENU ที่ผู้ใช้งานสามารถออกกำลังกายจากโหมด ยกน้ำหนัก, คาร์ดิโอ, โยคะ และ พิลาทิส ด้วยการเลือกโปรแกรมการฝึกซ้อมพร้อมภาพแอนิเมชั่นสอนออกกำลังกาย พร้อมแนะนำช่วงเวลาที่เหมาะสม รวมไปถึงจำนวน จนเสร็จสิ้นโปรแกรม ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชอบออกกำลังกายอยู่ที่บ้าน แต่ไม่รู้ท่าทางออกกำลังกายที่ถูกต้อง
เชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม
นาฬิกาออกกำลังกายอย่างแบรนด์ Garmin และ Suunto ในรุ่นที่รองรับ ปัจจุบันนี้ได้เปิดให้ผู้ใช้งานได้ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมมากขึ้น โดยแบ่งเป็นการรองรับเซ็นเซอร์ตามประเภทของกีฬาเพื่อได้รับข้อมูลแบบเฉพาะทาง หรือ การใช้งานร่วมกับแอพต่างๆเพื่อส่งข้อมูลการนาฬิกาออกกำลังายไปแสดงผล
วิ่งอยู่บ้าน แต่เหมือนวิ่งอยู่บนสนาม
นาฬิกาวิ่งรุ่นฮิต Garmin Forerunner 245 นอกจากใส่วิ่งกลางแจ้งได้แล้ว เมื่อนำมาวิ่งที่บ้าน อย่างการวิ่งบนลู่วิ่ง ก็สามารถเชื่อมต่อกับ Zwift app เพื่อส่งข้อมูล ชีพจร, ความเร็ว และ ระยะทาง ไปสู่การสนามวิ่งจำลองบนแอพพลิเคชั่น เหมือนเราเล่นเกมอยู่ แต่จริงๆแล้วเราวิ่งไปพร้อมกับแอนิเมชั่นที่มาจากข้อมูลการวิ่งของเราจริงๆนั่นเอง ก็ถือว่าเพิ่มความสนุกจากการวิ่งแบบเดิมๆให้ดูตื่นเต้นกับการแข่งขันจากผู้ใช้งาน Zwift app ทั่วทั้งโลก
อุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อข้อมูลที่เจาะจง
นาฬิกาออกกำลังกายรุ่นที่รองรับอย่าง Suunto 5 ก็สามารถจับคู่กับเซ็นเซอร์ต่างๆได้ เพื่อได้ข้อมูลในรูปแบบเฉพาะทาง ที่ตัวนาฬิกาเองไม่สามารถวัดได้ หรือ วัดได้ไม่แม่นยำเท่ากับเซ็นเซอร์ที่ถูกติดตั้งไว้เฉพาะจุด อย่าง Foot Pod ที่ติดไว้บนรองเท้าเพื่อวัดสถิติการวิ่ง หรือ Bike Pod ที่ติดตั้งบนจักรยานเพื่อรับข้อมูลรอบขา หรือ ความเร็ว เพื่อส่งข้อมูลนั้นๆมาแสดงบนหน้าปัดนาฬิกาพร้อมสถิติอื่นๆ จึงทำให้การออกกำลังกายที่บ้านนั้นได้ข้อมูลแม่นยำเท่ากับการออกกำลังกายกลางแจ้ง