DSC02253

หลังจากที่รอมานาน ได้มาแล้วครับกับเจ้า Fitbit force คราวนี้มาพร้อมกับหน้าจอ OLED ดูสถิติผ่านหน้าจอได้เลยไม่ต้องลุ้น

Fitbit Force คืออะไร?

มองดูผิวเผินอาจเป็นแค่สายรัดข้อมือธรรมดาสำหรับใครบางคน แต่ลึกไปกว่านั้นสายรัดข้อมือตัวนี้ ช่วยเก็บสถิติการทำกิจกรรมในแต่ละวันของผู้ใส่ ไม่ว่าจะเป็น จำนวนครั้งที่เราก้าวเดิน ระยะทางที่เราเดินเป็นกิโลเมตร/ไมล์ แคลอรี่ที่เราใช้ การขึ้นที่สูงชันเช่นบรรได เวลาทั้งหมดที่ร่างกายแอคทีฟ อีกทั้งยังมีความสามารถวัดความมีประสิทธิภาพในการนอนหลับของเรา

Fitbit Force ดีอย่างไร?

ใครที่ชอบใส่สายรัดข้อมือไฮเทคแบบนี้แต่ไม่ต้องการเป็นจุดสนใจ ไม่ต้องการให้ใครมาถาม(อาจมีบ้าง) Fitbit Force น่าจะเหมาะในระดับนึง ความรู้สึกเหมือนสายรัดข้อมือธรรมดาๆอันนึง สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสายรัดข้อมือเหล่านี้คือ "ความแม่นยำ" ปัญหาใหญ่ๆของสายรัดข้อมือวัดความแอคทีฟมักจะคำนวนความแอคทีฟของเราเกินความเป็นจริง บางทีเราแค่ขยับมือ กลายเป็นตัวเซ็นเซอร์คิดว่าเราเดินหรือวิ่ง ซึ่งปัญหานี้หลังจากที่ผมได้ทดลองใช้ Fitbit Force มาสักพัก สังเกตุเห็นถึงความแม่นยำของตัวเซ็นเซอร์ซึ่งอ่านได้เป็นธรรมชาติ ถ้าเราไม่แกล้งเขย่าให้เหมือนกับเราเดินจริงๆ มันจะไม่เอาไปคำนวนด้วย

เปิดกล่อง Fitbit Force

DSC02243 DSC02244

Fitbit Force มีไซส์ S และ L ... มีให้เลือก 2 สี  สีดำ และ สีฟ้าๆเขียวๆ(slate) ... ของผมเป็นสีดำไซส์ S ข้อมือผมค่อนข้างเล็กครับ ใช้สายวัดรอบๆข้อมือ อยู่ที่ราวๆ 6 นิ้ว ไซส์ S ถือว่าพอดีมาก ไม่เล็ก ไม่ใหญ่เกินไป ล็อคด้านหลังได้ตรงกลางพอดี

DSC02245 DSC02247

แกะกล่องออกมา เหลือแค่นี้ครับ 3 ชิ้นส่วนเท่านั้นที่ใช้งานหลักๆ 1.Fitbit Force 2. USB ซิงค์ข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์ 3.สายชาร์จ 

DSC02248 DSC02249 

ด้านหลังมีช่องให้เสียบสายชาร์จ ข้อควรระวังอย่างนึงคือ Fitbit force ไม่สามารถกันน้ำได้ ไม่ควรใส่อาบน้ำ สามารถกันเหงื่อ กันฝน กันน้ำกระเด็นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น 

DSC02252 DSC02254

หน้าจอ OLED แสดงผลชัดเจนและสมูท เรียบง่ายไม่หวือหวา แสดงเวลา, จำนวนก้าวที่เดิน, ระยะที่เดิน, แคลอรี่ที่ใช้, จำนวนก้าวที่ขึ้นบรรได, รวมเวลาทั้งหมดในขณะที่ร่างกายแอคทีฟ

DSC02257 DSC02258

เรื่องแบตเตอรี่ต้องขอชมเชย ถ้าใช้ติดต่อกัน สามารถอยู่ได้นานถึง 7-10 วัน เวลาจะชาร์จก็เสียบเข้าด้านหลังเหมือนในรูปนี้เลย  

 

เรื่องของ Fitbit App และการ ซิงค์ข้อมูล

Fitbit App มีทั้งใน iOS และของ Android หาดาวน์โหลดได้ฟรี

IMG_3982 IMG_3980 IMG_3981

หน้าจอต้อนรับ สื่อให้รู้โดยทั่วกัน App นี้มีหน้าที่ทำอะไรบ้าง

 

IMG_3983   IMG_3984 IMG_3985

เลือกอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อด้วย

 

IMG_3986 IMG_3987 IMG_3988

อธิบายรายละเอียดต่างๆ และ.. ค้นหาอุปกรณ์เชื่อมต่อ

 

IMG_3989 IMG_3990 IMG_3991

ใส่รหัสที่หน้าจอ Fitbit Force เพื่อยืนยันการเชื่อมต่อ

 

IMG_3992 IMG_3993 IMG_3994

กดปุ่ม Next ไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าจอหลักของ Fitbit App.. เมนูแสดงให้เราเห็นถึงข้อมูลทุกๆอย่าง ซึ่งเราสามารถกำหนดเป้าหมายความแอคทีฟในแต่ละวันของเราได้เอง และยังตั้งเป้าหมายการลดน้ำหนักของเราได้อีกด้วย

 

IMG_4003  IMG_4005 IMG_4006

หน้าจอ Setting ปรับแต่งการแสดงผลนาฬิกา, ปรับแต่งเป้าหมายหลัก, ตั้งค่าการสวมใส่ในมือข้างที่ถนัดหรือไม่ถนัด

 

สรุปข้อดี

  1.  ดีไซน์เรียบง่าย ดูดี ไม่หวือหวา ใส่ได้ในขณะนอนหลับ
  2. เริ่มต้นใช้งานครั้งแรกง่ายๆ แค่ดาวน์โหลด App ทำตามขั้นตอนทีละขั้น สมัครสมาชิก พร้อมใช้งานทันที
  3. แบตเตอรี่อยู่ได้นานมาก ชาร์จกันอาทิตย์ละครั้ง แต่ละครั้งชาร์จประมาณ 1 ชั่วโมงเต็ม
  4. หน้าจอ OLED ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่รู้สึกได้ถึงความไฮเทคโนโลยี แสดงผลได้สมูท คมชัด
  5. ติดเซ็นเซอร์วัดความสูงชัน แยกการวัดค่าระหว่างเดินปกติ หรือ เดินขึ้นบรรได
  6. ติดตามระยะเวลาการนอนหลับโดยรวม และคุณภาพของการนอน โดยใช้เซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวขณะที่นอนหลับ ซึ่งเราไม่มีทางรู้ด้วยตัวเอง
  7. ตั้งปลุกเตือนแบบสั่นเบาๆได้ ตื่นนอนตอนเช้าจะได้ไม่ต้องตกใจกับเสียงนาฬิกาปลุกดังๆ
  8. ซิงค์ข้อมูลผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ทางบูลทูธ ง่ายๆ ไม่ต้องถอดออกมาเสียบช่อง USB เหมือนรุ่นก่อน
  9. แจ้งเตือนการโทรเข้าจากโทรศัพท์ (กำลังอัพเดทในเฟิร์มแวร์รุ่นใหม่)

สรุปข้อเสีย

  1. ไม่กันน้ำ!! ไม่แนะนำกับคนเล่นกีฬาทางน้ำอย่างยิ่ง สามารถกันเหงื่อ กันน้ำกระเด็น กันฝนได้ แต่ไม่ควรใส่ในขณะอาบน้ำ
  2. การแอคทีฟคำนวนจากการแกว่งแขนตามธรรมชาติของเรา ถ้าเราออกกำลังกายในฟิตเนสโดยใช้เครื่องปั่นจักรยาน Fitbit force จะไม่คำนวนความแอคทีฟของเรา
  3. เชื่อมต่อสายรัดวัดชีพจรไม่ได้ เมื่อเข้าฟิตเนสหรือออกกำลังกายที่ไม่ได้เคลื่อนไหวเช่นแนวคาร์ดิโอ พลังงานที่ใช้นั้นจะไม่สามารถนำมาคำนวนได้ แตกต่างกับ Polar Loop ที่เชื่อมต่อสายวัดชีพจรได้