การออกกำลังกายที่ได้ผลลัพท์และตรงเป้าหมายถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ก่อนที่จะไปออกกำลังกาย เรามาเข้าใจอัตราการเต้นหัวใจไปพร้อมๆกัน เพื่อค้นหาโปรแกรมออกกำลังกายที่ตรงกับเป้าหมายที่สุด โดยบทความนี้จะพาเพื่อนๆไปทำความรู้จักกับอัตราการเต้นของหัวใจ ว่าทำไมเราต้องควบคุมโซนอัตราการเต้นของหัวใจ และควรรักษาระดับให้อยู่ในโซนไหน ?

 

 

ข้อดีของการควมคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ?

  • รู้ความหนัก-เบาของการออกกำลังกาย
  • กำหนดเป้าหมายของตัวเราได้ถูกต้อง
  • เผาผลาญและลดไขมันได้มีประสิทธิภาพ
  • พัฒนาร่างกายได้อย่างต่อเนื่อง
  • เพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย
  • ฟื้นฟูและกระตุ้นร่างกาย
  • พัฒนาระบบหัวใจ
  • ควมคุมการหายใจได้ดีขึ้น

ถ้าเรารู้ข้อดีแล้ว.. มาโฟกัสให้ตรงจุดกันดีกว่า

 

 

5 โซนอัตราการเต้นของหัวใจ แบ่งได้ดังนี้

 

Zone 1 : บางเบา เหมือนนั่งอยู่เฉยๆ (50% - 60%)

  • ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ฟื้นฟูหลังจากออกกำลังกายหนักๆ
     

Zone 2 : เบาๆ ไว้อยู่แล้ว (60% - 70%)

  • โซนนี้จะเผาผาญคาร์โบไฮเดรตที่เพิ่งกินไปและหลังจากนั้น
  • จะเริ่มเผาผาญไขมันได้อย่างดี ควรออกกำลังกายติดต่อ 40-60 นาที
     

Zone 3 : ปานกลาง ไว้ก็ไปต่อ (70% - 80%)

  • โซนนี้ใช้เวลาปานกลางตามชื่อเลย 10 - 30 นาที
  • เช่นเต้น อาราบิค และช่วยชลอความล้าจากกรดแลคคิต
     

Zone 4 : หนัก แต่ยังไม่สุด (80% - 90%)

  • ใช้เวลาสั้นๆแต่ได้ใจความ 2 - 10 นาที
  • เพิ่มความทนให้กับกล้ามเนื้อและการออกกำลังกาย
     

Zone 5 : หนักสุด มีเท่าไหร่ใส่ให้หมด (90% - 100%)

  • (ไม่เกิน 5 นาที)
  • เหมาะสำหรับการฝึกซ้อมนักกีฬาที่เตรียมแข่งขัน เพื่อพัฒนาศักยภาพสูงสุด

 

 

วิธีหาอัตราการเต้นหัวใจ

หลักๆแล้วเราควรรู้ว่าอัตราการเต้นหัวใจ ถูกแบ่งออกได้ 5 โซน ซึ่ง 5 โซนจะเริ่มตั้งแต่หัวใจเต้นเบาจนไปถึงหัวใจเต้นหนักสุด โดยมีวิธีคำนวณง่ายๆ แบบไม่ปวดหัวดังนี้

 

1. หาอัตราการเต้นหัวใจหนักสุด 100 % 

วิธีนี้เป็นวิธีหาค่าอัตราการเต้นหัวใจที่พื้นฐานที่สุด โดยคำนวญจากอายุ (*220 - อายุ = อัตราเต้นหัวใจ 100 %)

เช่น อายุ 28 (220 - 28 = 192)

  • 192 : อัตราการเต้นหัวใจสูงสุด 100% ของคนอายุ 28
  • 96 : อัตราการเต้นหัวใจ  50% ของคนอายุ 28 (นำค่าสูงสุดมาหารสอง)

แต่วิธีนี้จะเป็นเพียงการคำนวณหา ค่าสูงสุด และ ต่ำสุด เท่านั้น ในขณะออกกำลังกายจำเป็นต้องตรวจอัตราการเต้นหัวใจ เพื่อทำให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการ

 

 

2. วัดอัตราการเต้นของหัวใจจากนาฬิกาออกกำลังกาย

วิธีนี้เป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด เพียงสวมใส่นาฬิกาออกกำลังกาย โดยกรอกข้อมูล อายุ, น้ำหนัก, ส่วนสูง และเพศ ก่อนเริ่มใช้งาน นาฬิกาออกกำลังกายก็จะคำนวณและแสดงผลได้ทันที สามารถดูผลได้ตลอด 24 ชั่วโมง และออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างในรูปจะเป็นนาฬิกาออกกำลังกายรุ่น Garmin VENU 2

วิธีใช้งาน

  • กรอกข้อมูลสุขภาพก่อนเริ่มใช้งานนาฬิกา
  • เลื่อนดูข้อมูลจากหน้าปัดนาฬิกา
  • นาฬิกาจะแสดงข้อมูลอัตราการเต้นหัวใจปัจจุบัน และกราฟค่าเฉลี่ยสูง/ต่ำ

 

เตือนอัตราการเต้นหัวผิดปกติ

นอกจากนี้สำหรับใครที่ต้องการให้นาฬิกาแจ้งเตือนเมื่อ "อัตราการเต้นหัวผิดปกติ" ในชีวิตประจำวัน  Garmin VENU 2 ก็มีคุณสมบัติให้ได้เปิดใช้งาน โดยนาฬิกาจะสั่นเตือนให้ทราบเมื่อหัวใจเต้นสูง/ต่ำกว่ากว่าเกณฑ์ที่ผิดปกติ

 

 

ออกกำลังกายด้วยโซนอัตราการเต้นหัว

สำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่เคยใช้งานนาฬิกาออกกำลังกายมาก่อน แนะนำให้ลองใช้งานคุณสมบัตินี้ เมื่อเราเข้าโหมดออกกำลังกาย นาฬิกาจะวัดอัตราการเต้นหัวให้อัตโนมัติ พร้อมผลแสดงโซนของหัวใจ ทำให้เราเข้าใจได้อย่างง่ายว่าในขณะนั้นเราได้ควบคุมโซนอัตราการเต้นหัวได้ถูกต้องหรือไม่

 

และไม่ต้องกังวัลว่าจะลืมดูโซนอัตราการเต้นหัวใจ เพราะนาฬิกาออกกำลังกายสามารถตั้งต่าให้แจ้งเตือนเมื่อหลุดออกโซนหัวใจจากที่ได้ตั้งค่าไว้ 

 

สามารถกำหนดเป็นโซน 1 - 5 (สูง/ต่ำ) และตั้งต่าอัตราการเต้นหัวใจตามที่ต้องการ เพื่อออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด นาฬิกาจะสั่นแจ้งเตือนให้ทราบทุกครั้งเมื่อหลุดออกจากอัตราการเต้นหัวใจที่ได้ตั้งไว้

 

แนะนำสำหรับเพื่อนๆที่เริ่มต้นออกกำลังกายลดน้ำหนัก ควรอยู่ ที่ Zone 2 ถ้าออกกำลังสักระยะแล้วอาจจะอยู่ที่ Zone 2 และขยับไปที่ Zone 3 สลับกันแบบสั้นๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายสำหรับคนที่ลดน้ำหนักแนะนำให้ลองวัดอัตราเต้นหัวใจจากนาฬิกาสุขภาพ หรือสายคาดหน้าอก เพื่อออกกำลังกายควมคุมอัตราเต้นหัวใจให้อยู่ที่ Zone 2 (60% -70%) เป็นเวลา 40-60 นาที ทำต่อเนื่องอาทิตล่ะ 3-4วัน รับรองเป้าหมายของคุณอยู่ไม่ไกลแน่ๆ เพื่อนๆที่กำลังสนใจสนนาฬิกาออกกำลังกาย สามารถเลือกชมสินค้าที่เหมาะได้ที่ Tsmactive.com หรือแอดไลน์มาสอบถามเพิ่มเติมที่ Line: @TSMACTIVE