ต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ได้เป็นคนติดตามแฟชั่นนาฬิกา ไม่ได้ชอบการแต่งตัวสักเท่าไหร่ เอาเข้าจริงๆ ผมหยุดใส่นาฬิกาไปตั้ง 5-6 ปีแล้ว เพราะเห็นว่ามันไม่จำเป็น เราดูเวลาจากโทรศัพท์ก็ได้ไม่ต่างกัน
เมื่อไม่นานมานี้ ข่าวบวกกระแสของ Smartwatch โจมตีพวกเราอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็น Apple Samsung และอีกหลายๆ แบรนด์ ซึ่งบางเจ้าก็ได้ผลิตและออกวางขายกันแล้ว ที่ยังแปลกใจอยู่ คงเป็น Apple ดูเหมือนจะออกมาเป็นเจ้าแรกๆที่พูดถึงเรื่อง Smartwatch จนถึงป่านนี้ยังไม่มีอะไรใหม่ๆ ดีๆ ออกมาให้เห็น ที่พวกเราเห็นจนชิน คงเป็นเรื่องเปลี่ยนสี.. เพิ่มความเร็ว.. ลดขนาด.. แค่นั้น .. กลับมาที่นาฬิกาของเรา.. ล่าสุด ได้มีน้องใหม่ขี่ม้าขาวผลิตนาฬิกาอัจฉริยะวางขายในตลาดอเมริกา จนกลายเป็นที่ฮือฮาของขาเทคโนโลยี รวมไปถึงขาแฟชั่นเช่นกัน นาฬิกานั้นมีชื่อว่า "Pebble Smartwatch" นั่นเอง ประวัติความเป็นมาโดยการร่วมลงทุนจากคนใน kickstarter ซึ่งเป็นเว็บไซต์ให้นักพัฒนาเสนอผลงาน ใครที่คิดว่ามีความเป็นไปได้ก็จะช่วยกันสนับสนุนให้ออกมาเป็นรูปธรรม
บทความนี้เราจะมาดูนาฬิกาจริงๆ และการใช้งานคร่าวๆ เน้นรูปภาพ ส่วนเรื่องของคุณสมบัติของ Pebble เข้าไปอ่านได้ที่ที่นี่ครับ
เปิดกล่อง Pebble SmartWatch
"it's time" แปลให้ดูตื่นเต้นคงจะประมาณว่า "มันถึงเวลาการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่แล้วล่ะ!!" หรืออีกความหมายนึง "ด้านในเป็นนาฬิกานะ" คงต้องแล้วแต่ความตื่นเต้นของแต่ละคน.. ด้านหน้ากล่องมีรอยขาวๆ ผมดันมือซนไปแกะสติ๊กเกอร์ของไปรษณีเองแหล่ะ ไม่ได้เป็นลายพิเศษอะไรครับ
ด้านหลังกล่องระบุถึงอุปกรณ์ที่ใช้กับ Pebble ได้แก่ iPhone 4 iPod touch 3rd iOS 5 ขึ้นไป รวมถึง สมาร์ทโฟนที่ใช้ Android 2.3.3 ขึ้นไป
เปิดมาด้านใน "คุณได้รับนาฬิกาและสายชาร์จอย่างละ 1 ea!"
ด้านหลังของนาฬิการูปเบลอไปหน่อย ขออภัยคร้าบ .. สลักคำว่า Pebble .. รหัส Serial .. made in china (เหมือนเช่นเคย) .. กันน้ำได้ระดับ 5ATM เอาไปดำน้ำได้สบายๆ
ข้างซ้ายประกอบไปด้วยปุ่ม back ทำหน้าที่กลับเข้าเมนูหลัก และช่องชาร์จแบตเตอรี่ เป็นแม่เหล็กดูดสายชาร์จเข้าหาตัว
ด้านขวาประกอบไปด้วยปุ่มขึ้น - ปุ่มลง - ปุ่มกลางตอบตกลง
หน้าตาสายชาร์จให้ดูกันชัดๆ
เสียบสายชาร์จเข้านาฬิกาครั้งแรกยังใช้การไม่ได้ ต้องไปโหลด App เพื่ออัพเดทเฟิร์มแวร์ให้นาฬิกาซะก่อน
มาทดสอบส่งข้อความกันหน่อย Welcome to the future ครับผม!
หน้าที่ของ Pebble หลักๆแล้วใช้ดู Notification แทนที่เราต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ในบางสถานการณ์มีประโยชน์เหมือนกัน เช่น อยู่ในห้องประชุม เวลามีสายเข้า เราสามารถรับสายหรือตัดสายทิ้งได้ แต่ยังคุยผ่านตัวนาฬิกาไม่ได้ครับ
หน้าปัดนาฬิกาใช้เทคโนโลยี E-paper มองเห็นได้ในเวลากลางวัน ประหยัดพลังงาน ลักษณะคล้ายๆกับจอ LCD ไม่ถึงขั้นคมชัดเท่า E-Ink ที่ใช้ใน Kindle
ใส่คู่กับสายรัดข้อมือ Jawbone UP24 เข้ากันดีแท้
ด้วยเฟิร์มแวร์ของ Pebble เองในขณะนี้ยังไม่รองรับภาษาไทย แต่ก็มีคนไทยเจ๋งๆ ทำให้ใช้ภาษาไทยได้แล้ว ลองไปอ่านวิธีการทำที่นี่
เปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้หลายรูปแบบมาก
แม้แต่หน้าปัดบอกวันเวลาดาวอังคาร?? อะไรจะขนาดนั้น..
เริ่มต้นใช้ Pebble Application
ก่อนจะใช้นาฬิกาได้ เราต้องไปดาวน์โหลด Pebble Application ซะก่อน.. สมัครสมาชิกกันให้เรียบร้อย
ทำการเชื่อมต่อ Pebble ..
ในปัจจุบันสามารถเพิ่ม app เข้าไปในนาฬิกา Pebble ได้สูงสุด 8 Apps
รูปที่ 1 หน้าจอแนะนำการใช้งานเบื้องต้น
รูปที่ 2 ดาวน์โหลด apps มี 6 หมวดหมู่คือ
- Daily - เช่น การใช้งานประจำวัน Foursquare เช็คหุ้น ดูอากาศ ดูรีวิว Yelp สารพัด
- Notifications - เช่น การแจ้งเตือนต่างๆ จากโทรศัพท์เข้านาฬิกา
- Fitness - เช่น App ฟิตเนสดังๆอย่าง RunKeeper แสดงระยะทางที่วิ่งผ่านหน้าจอนาฬิกาได้เลย
- Tools Utilities - เช่น แสดงแผนที่ GPS บนหน้าจอนาฬิกาแบบเล็กๆ
- Remotes - เช่น app ควบคุมกล้อง GoPro, เปิด-ปิด ไฟ, ควบคุมกล้องบนสมาร์ทโฟน
- Games - อันนี้น่าจะแก้เบื่อได้พลางๆ มีทั้งเกม Tiny bird คล้ายๆกับ Flappy brid หรือจะเป็นเกมงูกินหางที่เราเคยเล่นบน Nokia 3310 หรือเกมตัวต่อ (Tetris) ก็มีเช่นกัน
รูปที่ 3 เลือก Apps โหลดขึ้นบนนาฬิกาได้ 8 ตัว อันไหนยังไม่ใช้ก็โหลดลงมาพักไว้ใน iPhone ก่อน เป็นอย่างไงบ้างครับสำหรับนาฬิกา Pebble Smartwatch ถือว่าเป็นเทคโนโลยีต้นแบบที่กล้าทำออกมา แถมถูกใจใครหลายๆคน จนขึ้นเป็น Gadget ยอดนิยมอันดับต้นๆในอเมริกาเป็นที่เรียบร้อย
ข้อดีข้อเสีย
ดี
- รูปร่างหน้าตาดี ใส่เป็นนาฬิกาแฟชั่นไฮเทคโนโลยี เท่ห์ไม่เบา
- การเริ่มต้นใช้งานไม่ยาก application และเมนูในตัวนาฬิกา เข้าใจได้ง่าย
- ปรับเปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาได้หลายรูปแบบ ตั้งค่าเลือกใช้ application ได้หลากหลาย
- ใช้ได้ทั้ง iOS และ Android
- ทำหน้าที่แจ้งเตือนแทนโทรศัพท์ ไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาให้เสียเวลา
- ทำหน้าที่เป็นตัวแทนแสดงผลจาก Application อื่นๆได้ เช่น แสดงค่าชีพจร ขณะฟิตเนส
- ระบบเปิด SDK รองรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจาก Developer
เสีย
- บาง Application ยังมี bug อยู่ ใช้งานได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็น
- เฟิร์มแวร์ต้นฉบับยังไม่รองรับภาษาไทย ต้องโมเพิ่มเอง
- หน้าจอ e-paper ยังไม่คมชัดเท่า e-ink (ใน kindle)