หลังจากที่ Suunto ได้เปิดตัว Suunto 3 Suunto 9 และ Suunto 5 มาคราวนี้ในปี 2020 ได้ปล่อยไม้เด็ด ในรุ่น Suunto 7 ซึ่งชื่อรุ่นก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นนาฬิกาในระดับกลาง เป็นรองเพียง Suunto 9 เท่านั้น กลับมาคราวนี้ต้องเรียกว่าไม่ธรรมดา ซึ่งก็มีกระแสทั้งชอบ และ ไม่ชอบ ด้วยการเปลี่ยนระบบใหม่เป็นขั้นแรก จากเดิมที่ใช้ระบบของ Suunto มาตลอด แต่ครั้งนี้เลือกใช้ ระบบปฏิบัติการ Wear OS จาก Google นั่นเอง ด้วยยุคสมัยที่ผ่านมาจนถึงปัจจุจบัน ทาง Google เองก็ได้เริ่มชื้อกิจการจาก Fitbit ที่ขึ้นชื่อในเรื่องสุขภาพเข้ามาเสริมทัพให้กับ Wear OS เพื่อรับมือกับ สมาร์ทวอช ได้เต็มรูปแบบ

 

รีวิว Suunto 7 เรือนจริงๆจากเรา TSMACTIVE

 

Suunto 7 สอดใส่ Wear OS จะอร่อยแค่ไหน ?

ก่อนที่จะลงลึกเรื่องสเปค Suunto 7  มารู้จัก Wear OS สักเล็กน้อยกันก่อน โดย Suunto ไม่ใช่เป็นแบรนด์แรกของวงการนาฬิกาออกกำลังกายที่เลือกใช้ Wear OS ซึ่งก่อนหน้านี้ในแบรนด์ Polar ก็เคยทำมาก่อนอย่างในรุ่น Polar M600 นั่นเอง ซึ่งในยุคสมัยนั้นถือว่าเป็นยุครุ่งเรืองแห่ง Android Wear แต่ปัจจุบันนี้เปลี่ยนมาใช้ชื่อเรียกว่า Wear OS 

 

ข้อดีของการมี Wear OS เข้ามาในนาฬิกาถือว่ามีเยอะ ข้อด้อยก็มีอยู่บ้าง....

ถ้ายังนึกไม่ออกว่า Wear OS คืออะไร ให้นึกง่ายๆว่าเอาสมาร์ทโฟนระบบ Android 1 เครื่อง จับยัดลงนาฬิกา 1 เรือน โดยพัฒนาให้เป็นสมาร์ทวอชขึ้นมา จากเซ็นเซอร์ต่างๆ ทั้งการร่วมมือกันจากทางแบรนด์หลัก ในที่นี้คือ Suunto กับ Google ได้พัฒนาไปด้วยกัน เรียกได้ว่าแบ่งกัน 50/50 ใครมีอะไรดีก็มาร่วมกันพัฒนาจนออกมาเป็น "สมาร์ทวอช" จนอาจจะมีข้อด้อยบางฟังก์ชั่น ที่จำเป็นต้องพึงพา Google อยู่พอสมควร ด้วยข้อจำกัดหลายๆอย่าง ซึ่งใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนระบบ Android ได้ 100% อย่างแน่นอน ส่วน IOS อย่าง Iphone ต้องมาดูกันว่าจะได้เต็มรูปแบบหรือไม่

สรุป Wear OS

  • ฝั่ง Suunto ยังคงรันโหมด กีฬา/ออกกำลังกาย ให้สามารถทำงานร่วมกับ Wear OS ได้สมบูรณ์แบบ
  • โดย Google ถือว่าเข้ามาจัดเต็มในด้านการใช้งานแบบสมาร์ท ทั้ง Google Play และ การใช้งานในชีวิตประจำวัน

 

Suunto 7 มีอะไรใหม่

เริ่มจากความสดใหม่ส่วนใหญ่มาจากระบบ Wear OS นั่นเอง จะมีอะไรบ้างตามลิสด้านล่างกันเลย

  • รองรับการโหลดแอพเพิ่มเติมจาก Google Play ทั้งหน้าปัดนาฬิกา และ แอพต่างๆอีกเพียบ
  • รอบรับ Google Fit สำหรับติดตามสุขภาพในชีวิตประจำวัน
  • รอบรับ Google Assistant ผู้ช่วยคนสำคัญ สะดวกสบายของการสั่งงาน
  • รองรับ Google Pay ระบบชำระเงินไร้สายผ่านระบบ NFC
  • หน้าจอสีที่สว่าง สดใสขึ้น ด้วย AMOLED Display ความสว่างสูงสุด 1000 nits
  • หน่วยความจำเพลงถึง 8 GB
  • เซนเซอร์วัดชีพจรใหม่จาก Pixart ใช้อัลกอริทึมจาก LifeQ
  • เชื่อมต่อใช้งานได้ทั้ง Bluetooth, NFC และ Wifi (ไม่รองรับการใส่ซิม เพื่อใช้สัญญานโทรศัพท์)
  • มีไมโครโฟน แต่ไม่รองรับการเป็นลำโพง (ใช้ร่วมกับหูฟังเพิ่มเติม)
  • แสดงแผนที่สี ทั้งในรูปแบบ Offline ร่วมกับการออกกำลังกาย
  • ควบคุมเพลงบนนาฬิกา & ใช้แอพเพลง Google Play

รายละเอียด

  • หน้าจอสว่างสดใส (AMOLED) ควบคุมด้วยปุ่มกด และ ระบบสัมผัสหน้าจอ
  • ใช้งานด้วยระบบปฏิบัติการ Wear OS จาก Google ดาวน์โหลดปรับเปลี่ยนได้อีกมากมาย
  • รองรับการใช้งานจาก Google อาทิเช่น GOOGLE FIT, GOOGLE ASSISTANT, GOOGLE PAY และ GOOGLE PLAY
  •  ระบบรับการใช้งานไร้สาย ด้วย Wifi, NFC และ  Bluetooth Smart
  • รอบรับการควบคุมเพลงบนหน้าปัดนาฬิกา และ ใช้งานแอพเพลงจาก Google Play
  • รองรับแอพต่างๆอย่าง Strava, TrainingPeaks, Endomondo และอีกมากมาย
  • ระบบ GPS ติดตามเส้นทางกลางแจ้ง GPS, GLONASS, QZSS, BEIDOU / GALILEO
  • แสดงแผนที่แบบ Offline และ Heatmaps เส้นทางออกกำลังกายยอดนิยม 15 ชนิดกีฬา
  • FusedAlt รวบรวมข้อมูลจาก GPS ความสูงและบรรยากาศ
  • ติดตามระดับชีพจรจากข้อมือ | ติดตามในกีฬาว่ายน้ำ
  • ติดตามสุขภาพประจำวัน จาก Google Fit และ ตัวเลือกผ่าน Google Play
  • โหมดกีฬา & ออกกำลังกาย กว่า 70 ชนิด เช่น วิ่ง, ว่ายน้ำ, จักรยาน และอื่นๆ
  • ติดตามการฝึกซ้อมด้วย Training Load และ Training Recovery
  • ซิงค์ข้อมูลด้วย Suunto app และ นาฬิการองรับภาษาไทย
  • แบตเตอรี่ Standby (In time mode) สูงสุด 40 วัน | ออกกำลังกาย GPS สูงสุด 12 ชั่วโมง | โหมด Smartwatch สูงสุด 2 วัน
  • เปลี่ยนสายได้ง่ายดาย ไม่ต้องเครื่องมือใดๆ

ข้อมูลต่างๆรอบตัวเรือน

  • น้ำหนัก : 70 g / 2.47 oz
  • วัสดุ :  Stainless steel
  • กระจกหน้าจอ :  Gorilla glass
  • วัสดุตัวเรือน :  Glass fibre reinforced polyamide
  • สาย : ซิลิโคน (24 mm) |  130-230 mm
  • หน้าจอรูปแบบ :  AMOLED |  454 x 454px | สูงสุด 1000 nits

 

หน้าปัดนาฬิกาเปลี่ยนได้เยอะ

ตัวอย่างในเรื่องการเลือกใช้งานหน้าปัดนาฬิกา (Watch Faces) โดยต้องผ่าน Suunto Wear OS app เพื่อเข้าไปปรับแต่งการใช้งานทั้งหน้าปัด และ ข้อมูลการใช้งานในชีวิตประจำวัน

 

ติดตามสุขภาพด้วย Google Fit

ในด้านการติดตามสุขภาพ แคลอรี่, ก้าวเดิน และ ระดับชีพจร ทั้งหมดนี้ถูกรวมมาอยู่ใน Google Fit ด้วยการแสดงผลที่แตกต่างไปจากเดิมที่ Suunto เคยใช้งาน ซึ่งจะดูได้ทั้งเป้าหมาย และ ประวัติต่างๆรายวัน รายสัปดาห์ โดย UI การแสดงผลถือว่าเข้าใจง่าย และ ชัดเจน มีอะไรให้ได้ติดตามากขึ้น

 

โหมดแอพใส่นาฬิกาให้จุใจ

เพียงนำนาฬิกาเชื่อมต่อสัญญาน Wifi ในบ้านคุณได้ ก็ดาวน์โหลดแอพสำหรับนาฬิกา ผ่าน Google Play ได้อย่างง่ายดาย โดยมีแอพออกกำลังกาย, แอพฟังเพลง, แอพแผนที่ และ แอพต่างๆอีกเพียบ เรียกได้ว่าอยากใช้แอพไหนที่ชอบ ก็โหลดมาติดตั้งได้สบาย

 

โหมดออกกำลังกายแบบฉบับ Suunto

ต้องบอกว่าทาง Suunto ยังคงต้องเข้ามาดูแลในโหมดออกกำลังกายอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการแสดงผล และ การติดตาม จะสังเกตได้จาก UI ที่ยังคงมีลักษณะเดิม สิ่งที่เพิ่มเติมคงเป็นสีสันที่สดใส และ น่าใช้งานมากขึ้น

 

นาฬิกา Suunto มีแผนที่แล้ว

หลังจากรุ่นก่อนๆของ Suunto แสดงได้เพียงเส้นทางเท่านั้น คราวนี้สามารถใช้งานแผนที่ร่วมในโหมดออกกำลังกายได้แล้ว สามารถวางแผนที่ล่วงหน้า และใช้แผนที่แบบ Offline โดยมีลักษณะแผนที่ให้ได้เลือกใช้งาน อีกทั้งแผนที่แบบ Heatmaps เส้นทางออกกำลังกายยอดนิยมได้ผ่านหน้าปัดนาฬิกา

 

อยากรู้อะไรถาม Google

รับคำแนะนำการใช้งานในชีวิตประจำวันด้วย Google Assistant เพื่ออัพเดทข้อมูลสภาพอากาศ หรือ สิ่งต่างๆที่คุณอยากอัพเดทในหนึ่งวัน

 

ระบบแจ้งเตือนที่ทันสมัย

อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่า Suunto 7 จะใส่ซิมและโทรออกได้ เพราะจริงๆแล้วได้แค่ รับสาย/วางสาย และ รับการแจ้งเตือนต่างๆพร้อมตอบกลับ เมื่อคุณเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนอยู่ในขณะนั้น

 

ไม่ต้องพกบัตรเครดิต

ต่อไปนี้ไม่ต้องพกบัตรเครดิตให้หนักกระเป๋าอีกแล้ว เพียงคุณลงทะเบียนกับ Google Pay เพื่อผูกบัตรเครดิต ให้ใช้งานจ่ายผ่านนาฬิกาด้วย NFC ยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายขึ้น โดยไม่ต้อกังวลว่าใครจะแอบใช้บัตรคุณได้ เนื่องจากต้องยื่นยันรหัสลับก่อนชำระเงินทุกครั้งนั้นเอง

 

บทสรุป Suunto 7

ด้วยระบบปฏิบัติการ Wear OS จากทาง Google ซึ่งก็มีคนที่เคยใช้มาก่อนอย่างในสมาร์ทวอชรุ่นต่างๆ การที่มาพร้อม Wear OS จึงทำให้ Suunto 7 รองรับการแสดงผลแผนที่บนหน้าปัด, รองรับคลังแอพ Google Play, Google Assistant, ควบคุมเพลง และ ใช้แอพเพลงจาก Google Play นั่นเอง อีกทั้งยังมี Wifi สำหรับการใช้งานดาวโหลดต่างๆ และ เลือกใช้หน้าปัดนาฬิกาใหม่ได้อีกเพียบ!

สุดท้ายนี้ต้องมาดูกันว่า Wear OS นี้จะมีข้อดีข้อด้อยอะไรบ้าง
อย่างแรกแบตเตอรี่ที่ใช้งานเยอะขึ้นทั้งหน้าจอในรูปแบบ AMOLED และการเชื่อมต่อ รันระบบปฏิบัติการ ซึ่งทั้งหมดนี้แลกมากับการได้รับประสบการณ์ใช้งานที่สนุกและหลากหลายยิ่งขึ้นแน่นอน