แบรนด์ Polar นั้น เป็นที่ยอมรับเรื่องความแม่นยำในการวัดชีพจรมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์แรกๆ เลยที่ผลิตนาฬิกาวัดชีพจรออกมาขายในตลาดผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งแต่ก่อนนาฬิกาวัดชีพจรเหล่านี้ใช้ในวงการกีฬาเท่านั้น

สำหรับนาฬิกาวัดชีพจรที่ได้รับความนิยมและขายดีที่สุดในขณะนี้คงหนีไม่พ้น Polar FT7 แต่ก่อนที่จะตกลงปลงใจกับมัน ลองมาดูการออกแบบ และการใช้งานกันก่อน เพื่อให้ได้นาฬิกาที่ตอบโจทย์คุณที่สุดครับ

 

ทีเอสเอ็มขอเริ่มต้นรีวิว Polar FT7 พร้อมแล้ว ไปกันเลยครับ !!

 

หน้าปัดนาฬิกาปกติ แสดง เวลา/วัน/วันที่ 

 

Polar FT7 มาคู่กับเซ็นเซอร์ Polar H1 ส่งสัญญานวัดชีพจร

 

เอาเซ็นเซอร์ติดกับสายคาดหน้าอก ลูบน้ำแถบสีดำๆด้านในสักหยดสองหยด พร้อมใช้งาน!! 

ด้านหลังออกแบบให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนถ่านได้เองโดยใช้เหรียญบิด ไม่ยากครับ แต่ตอนบิดแนะนำให้หาผ้าบางๆมาห่อเหรียญไว้ ป้องกันรอยบิ่นซักหน่อย 

 

ส่วนที่ผมชอบที่สุดคือสายนาฬิกา เนื่องจากว่าผมเป็นคนข้อมือเล็ก หานาฬิกาที่พอดียาก ทาง Polar เจาะรูให้ตั้งแต่ต้นสายยันปลายสาย(จริงๆ) ไม่ว่าข้อมือคุณจะใหญ่หรือเล็ก เรียกได้ว่า ฟิตทุกขนาดครับ อันนี้ต้องขอชมเชย

 

ขนาดตัวเรือนค่อนข้างบาง เทียบกับ USB ให้เห็นชัดๆ น้ำหนักเบาสบาย ใช้ใส่ในชีวิตประจำวันได้ดีทีเดียว มีวันนึงผมบ้าจี้เห็นเพื่อนๆใส่นาฬิกาแบรนด์ดังๆ ในใจก็ใส่ Polar มานานจนรู้สึกเบื่อๆแล้ว เกิดอาการอยากมีกะเค้าบ้าง เลยไปซื้อมา ราคาก็แพง แต่ก็กลั้นใจซื้อ กะจะเอามาใส่ในเวลาปกติ เก็บ Polar ไว้ใส่แค่ตอนออกกำลังกาย.. ใส่ได้ไม่นานรู้สึกว่าทำไมหนักจัง.. แถมความหนักก็ไม่ได้ช่วยอะไร สุดท้ายขอเลือก"ความง่าย" มากกว่า"ความเท่ห์"(รึป่าว)

 

เริ่มต้นเข้าโหมดเทรนนิ่ง ถ้ากดปุ่มขึ้นลง(ด้านขวา) หน้าจอการตั้งค่าสำหรับโหมดเทรนนิ่งจะขึ้นมาให้เลือก เราสามารถเลือกระดับชีพจรสูงสุดได้ (HR MAX) ได้ในเมนูนี้

ก่อนกด Start เช็คระดับชีพจรให้แสดงที่หน้าจอก่อน หากไม่ขึ้น แปลว่าใส่สายคาดหน้าอกผิด (ในรูประดับชีพจรผมอยู่ที่ 45 ครับ กำลังใจนิ่งๆ)

 

หน้าจอหลักการเทรน แสดงระดับ Fat burn หรือ Fitness ขึ้นอยู่กับว่าระดับชีพจรเราอยู่โซนไหน ตรงกลางของหน้าจอแสดงระดับชีพจรปัจจุบัน ด้านล่างแบ่งออกเป็น 2 โซน สามารถล็อคโซนได้โดยกดปุ่มด้านขวาตรงกลางค้างไว้ หากระดับชีพจรเราหลุดโซน นาฬิกาจะส่งเสียงเตือนจี้ให้เรารู้ตัว ถ้าต้องการออกจากการล็อคโซน ให้กดปุ่มเดิมค้างไว้อีกรอบ

ตัวเลข 179 คือระดับชีพจรสูงสุด(HR MAX) หากเกินนี้อาจเกิดอันตรายได้ ตัวเลขนี้เราสามารถกำหนดเองหรือให้นาฬิกาเป็นตัวกำหนดให้เราได้จากเมนูตั้งค่าก่อนเข้าโหมดการเทรน ที่ผมได้กล่าวไว้เมื่อสักครู่นี้.. ถ้าผู้ใช้มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับหัวใจ ผมแนะนำว่าให้ปรึกษาแพทย์ก่อน และควรลดระดับชีพจรสูงสุดลงมาจากมาตรฐานเพื่อความปลอดภัย

 

กดปุ่มขึ้น-ลง(ด้านขวา) เพื่อเปลี่ยนหน้าจอสแตนด์บายให้เป็นระดับชีพจรอย่างเดียว ใช้เมื่อต้องการดูหน้าจอนาฬิกาแค่แว้บเดียวเพื่อสังเกตุฮาร์ทเรต ใช้ได้ดีขณะวิ่งหรือออกกำลังกายประเภทใช้ความเร็ว

 

กดปุ่มขึ้นลงเปลี่ยนหน้าจออีกที สังเกตุแคลอรี่ที่เบิร์นไป มากน้อยแค่ไหน เห็นกันจะจะ

 

เปลี่ยนมาอีกจอ.. หน้าจอสรุปเวลาที่ใช้ไป และบอกเวลาปัจจุบัน

 

ออกจากโหมดการเทรน หน้าจอแสดงถึงเวลาที่ใช้ไปทั้งหมด และแคลอรี่ที่เบิร์นทั้งหมด

 

กดปุ่มขึ้นลง เปลี่ยนมายังหน้า ระดับชีพจรโดยเฉลี่ยของการเทรนนั้นๆ และระดับชีพจรสูงสุดที่เราทำ

 

หน้าจอสรุปโซน อยู่ในโซน Fat burn และ Fitness กี่นาที

โซน Fatburn ควรรักษาระดับชีพจรให้อยู่ในช่วง 50% ของ HR MAX ไม่ควรสูงเกินไป เนื่องจากการลดไขมัน จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนเป็นตัวเผาผลาญ หากระดับชีพจรสูงเกินไป ร่างกายจะดึงไกลโครเจนซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตมาใช้เป็นพลังงานหลัก

โซน Fitness เป้าหมายคือการบริหารให้หัวใจแข็งแรง ลดคอเรสเตอรอล(ไขมันในเส้นเลือด) ควรรักษาระดับชีพจรให้อยู่ในช่วง 75% ขึ้นไป เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ช่วง Fitness ร่างกายจะใช้ไกลโครเจนเป็นหลักถึง 65% ใช้ไขมันเพียง 35% แต่ไม่ต้องตกใจ! สำหรับคนที่กำลังไดเอตหรือต้องการลดไขมัน ข้อดีของโซนนี้คือ คุณกำลังเผาผลาญพลังงาน (Calories) ได้เยอะและเร็วกว่าอยู่ดี

 

ออกมาเข้าสู่เมนูหลัก นอกจากโหมดการเทรน มีอีก 2 โหมดคือ Setting และ Data

ใน Setting คุณสามารถตั้งค่านาฬิกาทั่วไป หรือ ตั้งค่าข้อมูลพื้นฐานของผู้ใช้

 

เมนู Data เก็บข้อมูลทุกๆการเทรน แยกออกเป็น การเทรนรายครั้ง รายอาทิตย์ และรวบรวมสถิติทั้งหมด สามารถเรียกดูสถิติแคลอรี่ที่เราเบิร์นไปทั้งอาทิตย์นี้เท่าไหร่ หรือ ค่าชีพจรเฉลี่ยเป็นอย่างไร สำหรับ Polar FT7 เก็บข้อมูลได้สูงสุด 99 ครั้ง ถ้าหากเต็มแล้ว ข้อมูลเก่าจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลใหม่
หากต้องการนำข้อมูลการเทรนขึ้นเว็บไซต์ Polar เพื่อนำไปใช้ในระยะยาว หรือนำไปวิเคราะห์ เราจำเป็นต้องใช้ Polar Flowlink เพื่อซิงค์ข้อมูล 

 

สรุป . . ด้วยการใช้งานที่ง่าย ฟังก์ชั่นไม่เยอะจนตาลาย แถมราคาไม่แพงเกินไป จึงกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะเจาะที่สุดสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นมองหานาฬิกา HRM เป็นเรือนแรก ทีเอสเอ็มขอแนะนำ Polar FT7 ไว้เป็นตัวเลือกครับ

 

https://tsmactive.com
ทีเอสเอ็มกรุ๊ป