Garmin เปิดตัวนาฬิกาไฮบริดรุ่นใหม่ ในตระกูล Vivomove ที่กลับมาครั้งนี้เป็นรุ่นที่ 3 แล้ว ซึ่งยังคงไว้ด้วยเอกลัษณ์เดิม สำหรับความคลาสสิคของเข็มนาฬิกาจริงๆเดินวนอยู่บนหน้าปัด ผสานกับหน้าจอดิจิตอล ที่แสดงข้อมูลต่างๆในด้านสุขภาพที่อัพเกรดจากรุ่นเดิมให้ทันยุคสมัย เช่น การตรวจวัดพลังงาน Body Battery, ติดตามความเครียด, วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, การติดตามรอบเดือน และ ติดตามการนอนหลับ ซึ่งทั้งหมดนี้ แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่อย่าลืมใส่ Vivomove 3 Series ไว้บนข้อมือ
นอกจากจุดเด่นของความคลาสสิคและนาฬิกาไฮบริดแล้ว Vivomove 3 Series เรียกได้ว่าเป็น สมาร์ทวอทช์ซ่อนรูป ที่คนอื่นๆมองมาแถบไม่รู้เลย อาจจะคิดว่าเป็นแค่นาฬิกาเข็มทั่วๆไป ซึ่งตรงนี้ล่ะ ... คือจุดเด่นของ Vivomove 3 Series ที่แอบซ่อนหน้าจอ OLED ได้แนบเนียน เนียบจนไม่รู้ว่าแผงหน้าปัดหลังเข็มนั้น คือหน้าจอแสดงผลข้อมูลไว้ติดตามสุขภาพ และ ออกกำลังกาย
ส่วนเรื่องวิธีการแสดงผลของหน้าดิจิตอล นั้นจะแสดงผลยังไง? จะทำงานควบคู่กับเข็มนาฬิกาจริงๆได้ยังไง? ไปชมรายละเอียดสเปคกันก่อน แล้วมาสรุปรายละเอียดของหน้าจอ
เลือก Garmin Vivomove 3 Series ยังไง? ทำไมเยอะไปหมด ?
โดยแบ่งรุ่นย่อยของ Vivomove 3 Series ได้ออกเป็น 3 รูปแบบหลักๆ
Vivomove 3S
- ตรงคำว่า S นี้ล่ะ.. เมื่อไหร่ที่คำว่า S ต่อท้ายลงอะไร รุ่นนั้นจะมีขนาดเล็ก
- หน้าปัด 39 mm | สาย 18 mm | จอ Hidden OLED
Vivomove 3
- ขนาดมาตรฐาน เหมาะสำหรับสวมใส่กับข้อมือทั่วไป
- หน้าปัด 44 mm | สาย 20 mm | จอ Hidden OLED
Vivomove Style / Luxe
- ขนาดกลาง อัพเกรดวัสดุตัวเรือน & สาย พรีเมี่ยมขึ้น และ เพิ่มหน้าจอแสดงผลด้านบน ซึ่งจะแตกต่างกับ 3/3S นั้นเอง
- หน้าปัด 42 mm | สาย 20 mm | จอ Hidden color AMOLED
รายละเอียด
- หน้าจอดิจิตอล Hidden ระบบสัมผัส ถูกซ้อนอยู่ในแผงหน้าปัด แสดงผลต่อเมื่อสัมผัส หรือ ยกข้อมือขึ้นมา
- วัดชีพจรด้วยเซนเซอร์ที่ข้อมือ และ Pulse Ox, Body Battery, วัดความเครียด
- เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน รับฟังก์ชั่น smart notifications แจ้งเตือนข้อความ, สายเรียกเข้า โดยไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา
- ติดตามสุขภาพตลอด 24 ชม. เพียงสวมใส่ไว้เท่านั้น เช็คข้อมูลต่างๆจากหน้าปัดนาฬิกาได้ทันที
- โหมดกีฬาเบื้องต้น & ฟิตเนส เช่น วิ่ง, ปั่น, ว่ายน้ำ และฟิตเนส
- เช็คความฟิตด้วยค่า VO2MAX และ HRZONE
- แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุดถึง 5 วัน และในโหมดนาฬิกาปกติสูงสุดถึง 1 สัปดาห์
ก่อนที่จะเริ่มใส่ Vivomove 3 Series เพียงเสียบชาร์จไฟกับสายชาร์จที่มีมาให้ในกล่อง เพื่อเปิดใช้งาน และนำไปซิงค์กับสมาร์ทโฟนด้วย Garmin Connect app ผ่านบลูทูธ โดยทำตามขั้นตอนจนเสร็จสิ้นก็พร้อมใส่ใช้งานได้ทันที
ระหว่างสวมใส่ Vivomove 3 Series หน้าจอแสดงผลดิจิตอลจะยังไม่ถูกทำงาน เพื่อให้เข็มนาฬิกาได้แสดงผลเวลาอย่างเดียว แต่เมื่อมีการเคลื่อนไหวจากท่าทางพลิกนาฬิกาขึ้นมาดู เข็มนาฬิกาจะถูกหลบขึ้นมาชั่วคราว เพื่อแสดงผลข้อมูลจากหน้าจอดิจิตอล และ ควบคุมด้วยระบบสัมผัส หลังจากพลิกข้อมือลงสักครู่ นาฬิกาจะกลับเข้าสู่โหมดปกติ เพื่อใช้ดูเวลาจากเข็มปกติ โดยระบบติดตามต่างๆ จะยังทำงานอยู่อัตโนมัติอยู่เบื้องหลัง
รูปทรง
ตัวเรือน
- อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของ Vivomove 3 Series ที่ใช้ สแตนเลส เป็นวัสดุกรอบหน้าปัดทุกรุ่นแล้ว เพื่อช่วยเสริมความแข็งแรง ทนทาน ต่อการใช้งานยาวนานขึ้น
- โดยในรุ่น Vivomove Style จะเป็นรุ่นเดียวที่ใช้วัสดุตัวเรือนเป็น อลูมิเนียม เสริมความพรีเมี่ยมขึ้นไปอีกขั้น
หน้าจอ
- สำหรับวัสดุหน้าจอพื้นฐานในรุ่น Vivomove 3S และ Vivomove 3 ยังคงเป็นกระจกเสริมเคมีที่มีความแข็งแรงคงทนในระดับมาตรฐาน
- ส่วน Vivomove Style ใช้กระจก Gorilla Glass 3 แบบโค้ง เพิ่มความทนทานต่อรอยขีดข่วนมากขึ้น และ Vivomove Luxe ใช้กระจกคริสตัลแซฟไฟร์แบบโค้ง
การแสดงผลข้อมูล
ประเภทการแสดงผลของหน้าจอดิจิตอลแบ่งได้ 2 ประเภท
- แบบที่ 1 : OLED แบบซ่อน เฉพาะด้านล่างเท่านั้น (3S/3)
รูปแบบการแสดงยังเหมือนเดิมกับรุ่นที่แล้วอย่าง Vivomove Hr ที่แสดงผลเฉพาะด้านล่างเท่านั้น ส่วนด้านบนจะสลักโลโก้ Garmin คงไว้
- แบบที่ 2 : AMOLED สีแบบซ่อน ทั้งด้านบน และ ด้านล่าง (Style/Luxe)
สำหรับจอแสดงผลด้านบนที่เพิ่มเข้ามา จะแสดงสีสันด้วยไอคอนที่เข้าใจได้ง่าย พร้อมเป้าหมายที่ควรทำได้เพื่อส่งผลดีต่อสุขภาพ
- 3S - ขนาดหน้าจอ 39 มม. ประเภทหน้าจอ OLED แบบซ่อน
- 3 - ขนาดหน้าจอ 44 มม. ประเภทหน้าจอ OLED แบบซ่อน
- Style - ขนาดหน้าจอ 42 มม. ประเภทหน้าจอ AMOLED สีแบบซ่อน
- Luxe - ขนาดหน้าจอ 42 มม. ประเภทหน้าจอ AMOLED สีแบบซ่อน
เซนเซอร์
ด้านหลังนาฬิกามาพร้อม เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง และ เซ็นเซอร์ Pulse Ox ที่เป็นมาตรฐานใหม่ของ Garmin รุ่นใหม่ๆ สำหรับวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด โดยเปิด/ปิดใช้งานอัตโนมัติ
สายนาฬิกา
Vivomove 3 Series ใช้สายรูปแบบ Quick Release ที่ถอดเปลี่ยน หรือ ใช้งานได้ง่าย สะดวก โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือเข้ามาช่วย จึงเปลี่ยนสีสันให้เหมาะกับสไตล์ได้ลงตัว โดยมีจุดที่แตกในเรื่องของ ขนาด และ วัสดุของสายดังนี้
- 3S - ขนาดสาย 18 มม. (ซิลิโคน)
- 3S - ขนาดสาย 20 มม. (ซิลิโคน)
- Style - ขนาดสาย 20 มม. (ซิลิโคน หรือ ไนล่อน)
- Luxe - ขนาดสาย 20 มม. (หนัง หรือ สแตนเลสสตีล)
ใช้งานในชีวิตประจำวัน
หน้าปัดนาฬิกา
แสดงผลข้อมูลเวลา, วัน/เดือน และ จำนวนแบตเตอรี่ที่คงเหลืออยู่ ซึ่งเป็นหน้าหลักสำหรับเลื่อนเปลี่ยนข้อมูลแสดงผลต่างๆ
จำนวนก้าวเดิน
สถิติเหล่านี้จะถูกติดตามอัตโนมัติเพียงใส่ไว้บนข้อมือตลอดเวลา โดยตรวจจากการเคลื่อนไหวของแขน เพื่อมาคำนวณเป็นจำนวนก้าว โดยฝั่ง Vivomove Style/Luxe จะดูเป้าหมายด้วยแถบครึ่งวงกลมด้านบน
วัดความเครียด
เป็นฟังก์ชั่นที่เหมาะสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิตอย่างมาก สำหรับการผ่อนคลาย หยุดพักจากความเครียด โดยอาศัยเซนเซอร์วัดชีพจรเข้ามาตรวจวัดความแปรผัน เพื่อแสดงข้อมูลออกว่าอยู่ในระดับ ผ่อนคลาย หรือ เครียด จากสภาวะต่างๆในขณะนั้น
บันทึกดื่มน้ำ
เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่เพิ่มเข้ามาสำหรับคนรักสุขภาพ สำหรับบันทึกข้อมูลการดื่มน้ำระหว่างวัน โดยผู้ใช้ต้องเป็นผู้บันทึกข้อมูลด้วยตนเอง ด้วยการเลือกปริมาณของน้ำที่ได้ดื่มไปจริงๆ
การแสดงผล
ในเรื่องการแสดงผลรายละเอียดฝั่ง Vivomove 3S/3 ค่อนข้างดูยากกว่า Vivomove Style/Luxe ด้วยเนื้อที่แสดงผลที่ถูกจำกัดเพียงพื้นที่ด้านล่างเท่านั้น
Body Battery
อยากให้ได้ลองนำไปใช้งาน เพื่อตรวจวัดระดับพลังงานในร่างกาย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำกิจกรรมออกกำลังกาย หรือ ควรหยุดพักผ่อน
ติดตามออกกำลังกาย
โหมดออกกำลังกาย
- มาถึงในกิจกรรมออกกำลังกายกันบ้าง เมื่อเข้ามาจะพบกับโหมดพื้นฐาน เดิน, วิ่ง, คาร์ดิโอ, พลัง, โยคะ และ อื่นๆ เพื่อให้ได้ใช้งานสำหรับติดตามในช่วงออกกำลังกาย พร้อมบันทึกข้อมูลและเช็คสถิติย้อนหลังผ่าน Garmin Connect app
- โดย Vivomove 3S/3 และ Vivomove Style/Luxe ภายในตัวเรือนจะไม่มี GPS เพื่อติดตามความเร็ว หรือ ระยะ ในสถานที่กลางแจ้ง แต่ยังสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเพื่อดึง GPS จากสมาร์ทโฟนเข้ามาร่วมใช้งาน แต่ถือว่าไม่สะดวกเพราะต้องพกพาสมาร์ทโฟนติดตัวไปตลอดเวลา
การแสดงผลในโหมดออกกำลังกาย
ฝั่ง Vivomove Style/Luxe จะได้เปรียบตรงที่หน้าจอด้านบนที่แสดงผลอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ตลอด ในช่องด้านล่างสำหรับเลื่อนดูข้อมูลต่างๆ แต่โดยรวมแล้วข้อมูลที่แสดงผลเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานเท่านั้น จึงเหมาะสำหรับมือใหม่ที่เริ่มออกกำลังกาย
Pulse OX
สำหรับเช็คภาพรวมว่าการนอนหลับที่ละเอียดขึ้น จากช่วง REM รวมถึงค่าออกซิเจนในเลือด
VO2 Max
เห็นว่าเป็นนาฬิกาสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ก็มี VO2 Max มาให้ได้ใช้งาน เพื่อเช็คค่าความฟิตของร่างกาย เพื่อวัดผลจากการออกกำลังกาย หรือ ความพร้อมต่อการออกกำลังกายที่มีคุณภาพ
แพร่สัญญานอัตราการเต้นของหัวใจ
เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่ช่วยส่งสัญญานอัตราการเต้นของหัวใจไปยังอุปกรณ์ที่รองรับ
สรุปปิดท้าย
Garmin Vivomove 3 Series ของดี ของคนรักสุขภาพ ถ้าคุณกำลังคิดว่าสุขภาพเป็นเรื่องไกลตัว ไม่รู้สถิติของสุขภาพ และ วัดผลอะไรไม่ได้เลย อยากให้ลอง Vivomove 3 Series มาใส่แทนนาฬิกาปกติที่ใส่อยู่ ด้วยแบตเตอรี่ที่ไม่จำเป็นต้องชาร์จทุกวัน บวกกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์มือใหม่ที่ต้องการติดตามสุขภาพ บอกเลยว่ามีความสุขกับการใช้งานอย่างแน่นอน