เปรียบเทียบ Fitbit Charge 2 กับ Garmin ViovoSmart 3 สายฟิตเนสทั้งคู่ แตกต่างกันยังไง ?
หลังจากที่ Fitbit Charge 2 โด่งดังในกลุ่มผู้ใช้งานสายรัดข้อมือวัดชีพ ยังไม่มีรุ่นอื่นๆที่มาเปรียบได้ Garmin ได้ปล่อยไม้เด็ดที่รุ่น Garmin VivoSmart 3 ให้กับกลุ่มผู้ใช้งานสายรัดข้อมือวัดชีพจรเช่นกัน หลังจากที่ทาง TSMactive ได้ทดสอบและนำเปรียบเทียบ บอกได้เลยว่าการใช้งานและรูปทรงถือว่าสูสีกินกันไม่ลงจรงๆ จะเป็นยังไงไปชม 10 ข้อที่ยกคุณสมบัติมาเปรียบเทียบกันให้เห็นทั้ง 2 รุ่น
1. การวัดชีพจร
Fitbit Charge 2 : เซนเซอร์วัดชีพจรเทคโนโลยี PurePulse® Heart Rate จาก Fitbit
ภายใต้ตัวเรือนมีเซนเซอร์วัดชีพจร 2 ดวง เป็นแสงสีเขียว วัดชีพจรตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าสังเกตุดีๆเซนเซอร์จะนูนออกมาจากใต้ตัวเรือนอย่างเห็นได้ชัด
Garmin ViovoSmart 3 : เซนเซอร์วัดชีพจรเทคโนโลยี Garmin Elevate ™
มีเซนเซอร์วัดชีพจร 2 ดวงวัดชีพจร 24 ชั่วโมงเช่นกัน ซึ่งลดลงมากรุ่นใหญ่ๆของ Garmin ที่มี 3 ดวง แต่เพียงพอสำหรับสายรัดข้อมือเริ่มต้น โดยมีความแบนราบไปกับตัวเรือน
สรุป
การวัดชีพจร : ถือว่า 2 รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีการวัดชีพจรที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันมาก เรื่องความแม่นยำและการคำนวณสูสีใกล้เคียง ตัดสินว่าน่าเชื่อถือได้ทั้งคู่
2. ติดตามเส้นทางออกกำลังกาย (GPS)
Fitbit Charge 2 : ไม่มี GPS ในตัวเรือน แต่สามารถใช้คู่กับสมาร์ทโฟนผ่าน Fitbit App
ในขณะใช้โหมดออกกำลังกาย Fitbit Charge 2 สามารถเชื่อมต่อบลูทูธระหว่างแอพ Fitbit เพื่อใช้ GPS ของสมาร์ทโฟนบันทึกเส้นทางไปพร้อมๆการออกกำลังกายโหมดวิ่งได้
Garmin ViovoSmart 3 : ไม่มี GPS และไม่สามารถใช้คู่กับ Garmin Connect App เพื่อบันทึกเส้นทาง
ที่ ViovoSmart 3 ไม่มี GPS เพราะต้องการเน้นการใช้งานทั่วไปและกีฬาในร่มเป็นหลัก ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่เน้นใช้งานออกกำลังกายฟิตเนส
สรุป
ถ้าต้องการ GPS เพิ่มเติมไปที่ Charge 2 ที่ต้องพกสมาร์ทโฟนเพื่อเก็บเส้นทางสำหรับการวิ่งกลางแจ้ง แต่ถ้าเน้นกีฬาทั่วๆไปไม่สน GPS ถือว่า ViovoSmart 3 เพียงพอแล้ว
3. ติดตามกิจกรรมตลอดวัน (All Day Activity)
Fitbit Charge 2 : มี Reminders to Move ที่ช่วยเตือนให้เคลื่อนไหวหลักจากนั่งเฉยๆเป็นเวลานานๆ
โดยทั่วไปจะสามารถติดตาม นับก้าว , ระยะทาง , แคลอรี่ที่เผาผาญ , ชั้นที่ขึ้น , ช่วงเวลาเข้มข้นของกิจกรรม แสดงผลจากหน้าจอ
Garmin ViovoSmart 3 : มี สถานะแจ้งเตือนให้เคลื่อนไหว แสดงบนอุปกรณ์หลังจากไม่มีการเคลื่อนไหว เพื่อลุกขึ้นเดินและแอคทีฟตลอดวัน
แสดงผลการติดตาม นับก้าว , ระยะทาง , แคลอรี่ที่เผาผาญ , ชั้นที่ขึ้น , ช่วงเวลาเข้มข้นของกิจกรรม ผ่านข้อมือเช่นกันแต่จะสามารถดูข้อมูลได้ละเอียดกว่า
สรุป
เรื่องการติดตามทั้ง 2 รุ่นนี้เหมือนกัน แต่การแสดงผลของ ViovoSmart 3 จะละเอียดกว่าเมื่อดูจากข้อมือมากว่า Charge 2
4. ติดตามคุณภาพการนอนหลับอัตโนมัติ (Auto Sleep Tracking)
Fitbit Charge 2 : มีดีที่ Sleep Stages โหมดการตรวจวัดคุณภาพการนอนหลับที่ลงลึก ช่วยให้คุณทราบคุณภาพการหลับที่ดีกว่า
ติดตามในช่วง light, deep and REM sleep โดยเป็นกราฟที่ละเอียดสรุปจำนวนเปอร์เซ็นต์และเวลาในช่วงที่เราอยู่พร้อมแนะนำระยะเวลาการหลับที่สมควร
Garmin ViovoSmart 3 : เรื่องการติดตาคุณภาพการมนอนหลับฝั่ง Garmin ถือว่าทำได้ดีในแบบพื้นฐานทั่วๆไป
ติดตามช่วง Deep , Light , Awake โดยแสดงเป็นกราฟพร้อมสรุปช่วงเวลาที่ชัดเจน
สรุป
ถ้าเน้นเรื่องการวัดคุณภาพนอนหลับที่ละเอียดและลงลึก แนะนำ Fitbit Charge 2 เป็นตัวเลือกแรกด้วยการแสดงผลใน Fitbit App ที่ละเอียดกว่าฝั่ง Garmin พอสมควร
5. โหมดเด่นๆเพิ่มเติม
Fitbit Charge 2 : โหมดควบคุมลมหายใจ Guided Breathing Sessions
ที่คำนวญจากชีพจรเพื่อกำหนดลมหายใจที่พอเหมาะต่อการพักผ่อน Relax หลังจากทำกิจกรรมมาแล้วทั้งวัน
Garmin ViovoSmart 3 : มี 3 โหมดเด่นๆ V02 max , Fitness Age และ การติดตามความเครียดตลอดวัน
V02 max , Fitness Age ช่วยให้ผู้สวมใส่รู้รายละเอียดของสมรรถภาพทางกายเพื่อนำไปพัฒนาการออกกำลังกาย และ การติดตามความเครียดที่สามารถเช็คได้ระหว่างวันเพื่อลุกไปเดินเล่นหรือควบคุมลมหายใจได้เช่นกัน
สรุป
โหมดเพิ่มเติมของ ViovoSmart 3 เรียกว่าคุ้มค่ากว่า Charge 2 เพราะ ViovoSmart 3 จัดเต็มใส่ V02 max เพิ่มเข้ามาให้ เพราะส่วนมากจะมีในรุ่นสูงๆ
6. โหมดออกกำลังกายและกีฬา (Sport Profile)
Fitbit Charge 2 : โหมดออกกำลังกายที่สามารถเพิ่มลดได้จาก Fitbit App
มีชื่อโหมดออกกำลังกายถึง 20 ชนิดให้เลือกใช้งานตรงตามตัวเรา แต่การแสดงผลเป็นแบบพื้นฐานใกล้เคียงกัน โดยต่างแค่ชื่อการออกกำลังกายและการแสดงผลเพียงเท่านั้น
Garmin ViovoSmart 3 : 5 โหมดกิจกรรมที่สามารถตั้งการแจ้งเตือน เช่น เวลา , ระยะทาง , แคลอรี่ , อัตรการหัวใจ (Zone) ผ่านข้อมือ ร่วมไปถึงตั้งการแสดงผลได้ที่ Garmin Connect App ได้ละเอียด
เดิน , วิ่ง , คาร์ดิโอ , ความแข็งแกร่ง , อื่นๆ จุดเด่น อยู่ที่ ความแข็งแกร่ง (Strength Training) ที่สามารถนับจำนวนครั้งสำหรับการออกกำลังกายเวทเทรนิ่งและกำหนดเวลาพักต่อเซต
สรุป
โดยปกติแล้วในโหมดออกกำลังกาย จะต้องกดเริ่มเมื่อออกกำลังกาย ถ้าใส่ในชีวิตประจำวันปกติ จะเป็นโหมดการติดตามทั่วไป
ซึ่งถ้าเทียบทั้ง 2 รุ่น ถือว่า ViovoSmart 3 ครบเครื่องกว่า ถึงมีโหมดออกกำลังกายน้อยกว่า แต่มีคุณภาพในการปรับแต่งและแสดงผลที่ละเอียดกว่ามาก
7. แบตเตอรี่ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
- Fitbit Charge 2 : ใช้งานได้สูงสุดถึง 5 วัน
- Garmin ViovoSmart 3 : ใช้งานได้สูงสุดถึง 5 วันเช่นกัน
สรุป
ด้วยหน้าจอขาวดำ ที่มีระบบหน้าจอเปิด-ปิด อัตโนมัติ ทั้ง 2 รุ่น เมื่อยกข้อมือขึ้นมาดูหน้าจะแสดงผลทันทีช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ดี แต่ ViovoSmart 3 สามารถตั้ง Timeout ของหน้าจอที่ติดขณะยกข้อมือได้นานกว่า
8. การแจ้งเตือน / ภาษาที่รองรับ เมื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
Fitbit Charge 2 : รองรับการแจ้งเตือนเท่านั้นเฉพาะ สายเรียกเข้า และ ข้อความปกติ โดยที่ยังไม่รองรับภาษาไทย
Garmin ViovoSmart 3 : รองรับการแจ้งเตือนและสามารถกดรับและปฏิเสธสายเรียกเข้าได้ ร่วมไปถึงการแจ้งเตือนจากโซเซียลจากสมาร์ทโฟน (รองรับภาษาไทย) เช่น LINE , Faecbook
สรุป
เป็นฝ่ายที่ ViovoSmart 3 ชนะไปอย่างใสๆ ที่รองรับภาษาไทยและโซเซียลต่างๆ แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบการแจ้งเตือนต่างๆจากสมาร์ทโฟนสามารถไปต่อได้ที่ Charge 2
9. วัสดุและรูปทรง
Fitbit Charge 2 : วัสดุที่ต้องใส่ใจในการดูแลรักษา สายที่เปลี่ยนได้เอง
สาย : ทำมาจากซิลิโคนมีความหนาเล็กน้อย สามารถถอดเปลี่ยนได้ด้วยตนเอง เพียงกดแยกสายออกกับตัวเรือน
หน้าจอ : หน้าจอกระจก ทำให้ต้องระมัดระวังในการใช้งานเพื่อไม่ให้เกิดรอบขีดข่วนๆ ( ซื้อ Charge 2 กับ TSMactive แถมฟรี ฟิล์มกระรอย HD Clear :P )
Garmin ViovoSmart 3 : ออกแบบวัสดุและรูปทรงมาเพื่อการใช้งานที่ทนทาน โดยที่ไม่ต้องรักษาดูแลแบบรุ่นก่อนๆ
สาย : เนื้อสายได้ถูกปรับปรุงใหม่จากรุ่นก่อนๆ มีความยืดหยุ่นสูง แต่ถ้าเปลี่ยนสายอาจจะยุ่งยากเล็กน้อย เพราะต้องใช้อุปกรณ์เข้ามาช่วยและยังไม่มีออกมารองรับ
หน้าจอ : เป็นข้อดีของหน้าจอ ViovoSmart 3 ที่ไม่ได้ใช้กระจก แต่เป็นซิลิโคนใสๆให้ไฟ OLED รอดออกมา ทำให้หมดห่วงกับการกระแทกแรงๆที่ไม่มีผลต่อหน้าจอ
สรุป
ถ้าให้เทียบระหว่าง 2 รุ่นนี้ ฟังธงให้ ViovoSmart 3 น่าจะทนทานกว่า การสวมใส่จริงๆ ViovoSmart 3 ใส่สบายและเป็นส่วนหนึ่งกับร่างกายได้จริง
10. รูปแบบการใช้งานและการแสดงผล
Fitbit Charge 2 : เมนูที่ไม่ซับซ้อน ใช้ง่ายกับมือใหม่ เพียงแค่ กดปุ่ม เพื่อเลื่อนเมนู และ กดค้าง เพื่อเข้าเมนูนั่นๆ
Garmin ViovoSmart 3 : เมนูที่ละเอียด ต้องทำความคุ้นในการเข้าถึง แต่ไม่ยากเกินไปสำหรับมือใหม่ โดยใช้การ แตะหน้าจอค้าง เพื่อเข้าเมนู
สรุป
ViovoSmart 3 แรกๆอาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกับการเข้าถึงเมนูต่างๆ แต่แลกกับฟังก์ชั่นที่เยอะกว่าถือว่าคุ้ม ส่วน Charge 2 ยอมรับว่าใช้งานง่ายกว่าด้วยฟังก์ชั่นที่เพียงพอสำหรับผู้ใช้เริ่มต้น
ปิดท้ายสรุปทั้ง 10 ข้อ
ด้วยรูปทรงและดีไซน์จะออกไปทางแฟชั่นมากว่า สามารถใส่ได้ทุกโอกาสด้วยการออกแบบจะอยู่กลางๆระหว่างการออกกำลังกายและกิจกรรมประจำวัน เมนูการใช้งานเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการลูกเล่นเยอะๆแต่ได้การใช้งานที่ครบถ้วน
จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการเน้นการใช้งานด้านคุณสมบัติที่ครบถ้วนจบในเรือนเดียว หรือ อาจจะมีนาฬิกาที่ใช้ในปัจจุบันอยู่แล้ว โดยใส่ ViovoSmart 3 เสริมในการออกกำลังกายเพื่อตรวจคุณภาพการออกกำลังกายเพิ่มอีกสักเรือน