1.เลือกเส้นทางวิ่งให้เหมาะสม
ความสำคัญอันดับแรกเลย คือ เพื่อนๆต้องเลือกเส้นทางการวิ่ง หรือ เข้าร่วมงานเทรล โดยศึกษาเส้นทางวิ่งก่อน ลองดูว่ายากหรือง่ายเกินไปสำหรับตัวเองไหม หากเพิ่งเริ่มต้นวิ่งเทรล ไม่ควรเลือกเส้นทางที่ยากเกินไป มิฉนั้น อาจจะวิ่งไม่จบเส้นทาง และจะทำให้รู้สึกว่าการวิ่งเทรลเป็นเรื่องที่ยากเกินไป
หากเพื่อนๆมีความสามารถ ผ่านงานวิ่งเทรลมาบ้างแล้ว ก็ควรเลือกเส้นทางที่ท้าทายความสามารถตัวเองมากขึ้น เพื่อให้เราสนุกกับการวิ่งได้เต็มที่
2. วิ่งแบบก้าวสั้นๆ
ความเร็วในการวิ่งของเพื่อนๆ จะช้ากว่าเดิมเมื่อเปรียบเทียบกับวิ่งบนถนนแน่นอน เพราะการวิ่งเทรลนั้น เราจะได้เจอกับธรรมชาติ เนิน ภูเขา และสิ่งกีดขวางต่างๆ ไม่ต้องสนใจ pace และวิ่งในแบบที่ทำให้ตัวเองรู้สึกดี
การก้าวสั้นๆ ทำให้น้ำหนักของเพื่อนๆอยู่บนเท้าตลอดเวลา ส่งผลให้เราควบคุมการทรงตัวของเราได้ดีกว่าเดิม หากเจอสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็น จะทำให้เราหลบหลีกได้ทัน
การเก็บสถิติการฝึกซ้อมเป็นสิ่งสำคัญ ก่อนที่ร่วมงานวิ่งเทรลควรเตรียมตัวฝึกซ้อมเป็นอย่างดี เพื่อเข้าสู่สถานการณณ์วิ่งแบบสมบูรณ์แบบ ดังการปรับปรุงฟอร์มการวิ่ง และ แก้ไขจุดด้อยต่างๆจึงเป็นสิ่งที่ควรพัฒนา นาฬิกาออกกำลังกาย GPS จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณทราบถึงแนวโน้มของประสิทธิภาพของร่างกาย และ เห็นการพัฒนาจากวันแรกไปถึงวันที่แข่งขันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยการติดตามจากข้อมูลการฝึกซ้อมที่ไม่ต้องมาคาดเดา หรือ จดบันทึกอีกต่อไป
3.ไม่ต้องอายที่จะเดินขึ้นเนินเขา
วิธีง่ายๆที่จะรู้ได้เลยว่าใครไม่เคยวิ่งเทรล คนที่วิ่งบนถนนบ่อยๆ แล้วมาเริ่มวิ่งเทรล ในตอนแรกๆ มักจะวิ่งขึ้นเนินเขา จากนั้นก็จะหมดแรง และไปเดินตอนลงแทน ซึ่งจริงๆแล้ว ควรทำตรงกันข้าม นักวิ่งเทรลจริงๆ จะเดินขึ้นเนินเขา แล้วเก็บแรงไว้ตอนทางลง
ถ้าไม่อยากหมดแรง ก่อนถึงเส้นชัย ควรฝึกซ้อมวิ่งบ่อยๆเพื่อพัฒนาอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ระดับที่คงที่ เพื่อไม่ให้เหนื่อยง่าย และ เคยชินกับการวิ่งในระยะทางที่ฝึกซ้อม ในการรับมือการวิ่งที่มีประสิทธิภาพ ควรฝึกซ้อมเป็นประจำ อย่างเช่น วิ่งบนลู่วิ่งในระดับลาดชัน สลับ การวิ่งปกติ พร้อมคุมระดับอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ในโซนสม่ำเสมอ อุปกรณ์ที่แนะนำควรที่วัดชีพจร อย่างเช่น สายคาดหน้าอกวัดชีพจร หรือ นาฬิกาวัดชีพจร เพื่อทำให้การฝึกซ้อมมีประสิทธิภาพกว่าเดิมด้วยข้อมูลสถิติที่แม่นยำ
4.ดูทางข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
อย่างที่บอกว่า การวิ่งเทรล มีสิ่งกีดขวางตามธรรมชาติอยู่แล้ว เส้นทางไม่มีอะไรตายตัว เพื่อนๆ ต้องระมัดระวังทางข้างหน้าให้ดี ในขณะวิ่ง ควรยกเท้าให้สูงกว่าการวิ่งบนถนนปกติ เพื่อหลีกเลี่ยงก้อนหินหรือรากต้นไม้ ซึ่งทำให้หลายๆ คนหกล้มมาแล้ว
ถ้าอยากทราบข้อมูลระดับเขาล่วงหน้า ต้องลองใช้งานคุณสมบัติพิเศษ ClimbPro ที่มีเฉพาะใน Garmin Fenix 5X Plus เท่านั้น ที่จะให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับการปีนเขา ณ ปัจจุบัน และ กำลังจะมาถึง
เพื่อดูการไล่ระดับของการปีน, ระยะทาง และ ความสูงที่เพิ่มขึ้นสำหรับไต่ขึ้น รวมทั้งเครื่องหมายแสดงความคืบหน้าที่จะทำให้คุณรู้ว่าต้องไปอีกไกลแค่ไหน
5.เว้นระยะห่างจากเพื่อนๆ คนอื่น
ถ้าเราวิ่งติดๆ กับคนอื่น จะทำให้เรามองทางข้างหน้าไม่เห็น อีกอย่างที่สำคัญคือ การวิ่งเทรลนั้น เราหรือเพื่อนๆ คนอื่น อาจจะปรับเปลี่ยนความเร็วในการวิ่งเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเราวิ่งไปใกล้กับคนอื่นเกิน แล้วอยู่ดีๆ เค้าลดความเร็วลง ในขณะที่เราเพิ่มความเร็วขึ้น อาจจะทำให้วิ่งชนกัน หรือ สะดุดกันได้เลย
6.ปลอดภัยไว้ก่อน
วิ่งเทรลให้ปลอดภัยมีหลากหลายวิธี อาทิ
- เลือกที่จะวิ่งกับเพื่อน
- พกแผนที่เส้นทางไปด้วย
- ติดอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นไว้ในรถ
- ติดอาหารให้พลังงาน หรือ เจลให้พลังงานไปด้วย
- พกโทรศัพท์ไปด้วยขณะวิ่ง
อีกหนึ่งทางออกสำหรับการวิ่งเทรลในสถานที่แปลกใหม่ หรือ สนามที่ไม่คุ้นเคย ควรมีเส้นทางที่วางแผนไว้อย่างล่วงหน้า โดยส่วนมากงานวิ่งเทรล หรือ กลุ่มนักวิ่ง จะมีการวางจากแผนที่เตรียมไว้ เพื่อป้องกันการหลงทาง และ รักษาเวลาให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ดังนั้นนาฬิกา GPS ออกกำลังกายในปัจจุบัน จะมีคุณสมบัติ วางแผนเส้นทางล่วงหน้า พร้อมแสดงผล และ นำทางแบบเรียลไทม์ รุ่นที่แนะนำอย่างเช่น Suunto 9 Baro หรือ Garmin Fenix 5 Plus Series