7 ข้อแตกต่างที่ควรอัพเกรดสายคาดอกเป็น Polar H10 

หลายๆท่านอาจจะสงสัยว่าสายคาดวัดชีพจรจาก Polar รุ่น H7 ที่เป็นรุ่นยอดนิยมคุณสมบัติเด่นสุด คือสามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนบูลทูธได้โดยตรงและมีแอพพลิเคชั่นรองรับอย่าง Polar Beat ซึ่งของเดิมคุณสมบัติดีอยู่แล้ว ทำไมต้องหันมามองรุ่นใหม่อย่าง Polar H10 ด้วย

จุดนี้เองทำให้ทาง Polar ต้องทำการบ้านหนักพอสมควร จึงออกมาเป็น Polar H10 ที่อัพเกรดสายใหม่ อัพเกรดคุณสมบัติของเซนเซอร์ที่มีหน่วยความจำและการส่งสัญญานในน้ำด้วยสัญญาน 5kHz โดยสามารถชมรีวิว Polar เต็มๆที่ https://tsmactive.com/Review-H10

 

1. ขณะออกกำลังกายใช้ Polar H10 โดยไม่ต้องพกสมาร์ทโฟนอีกต่อไป

  • โดย Polar H7 ขณะใช้งานต้องพกสมาร์ทโฟนติดตัวไปตลอด
  • จุดเด่นที่ควรเลือก Polar H10 เพราะภายในตัวเซนเซอร์มีหน่วยความจำอยู่ หลังจากออกกำลังกายสามารถโหลดข้อมูลลงแอพ Polar Beat 
  • วิธีการใช้งาน สายคาดอก Polar H10 คู่กับ Polar Beat  โดยไม่ต้องพกพาสมาร์ทโฟน
  • เพียงโหลดแอพ Polar Beat โดยเปิดบลูทูธในสมาร์ทโฟนและสวมใส่สายคาดอก Polar 10 เลือก Settings และจับคู่ในหัวข้อ HR Sensor 
  • ห้กดที่ : (1) เพื่อเลือกเมนู Save HR with sensor (2) หลังจากนั้นให้ Start เพื่อเริ่มใช้งาน หลังจากขั้นตอนนี้สามารถเก็บสมาร์ทโฟนโดยไม่ต้องนำขี้นมาขณะออกกำลังกาย
  • เมื่อออกกำลังกายเสร็จเรียบร้อยมาเปิดแอพอีกครั้งจาก 2 เมนู ให้เลือก Save ข้อมูลสถิตของชีพจรจะถูกดาวโหลดจาก Sensor มาเก็บในแอพ Polar Beat  อัตโนมัติ
  • ข้อมูลที่ถูกดาวโหลดจะแสดงผลใน Polar Beat โดยสรุปทั้ง เวลา ระยะทาง อัตราเต้นหัวใจ แคลอรี่ และ เปอร์เซ็นการเผาผาญ พร้อมกราฟแสดงโซนของชีพจรและเวลาในโซนอีกด้วย

 

2. หน้าตาของเซนเซอร์ที่ไม่เหมือนกัน

  • Polar H7 : วัสดุเป็นแบบด้าน สลักโลโก้ Polar และ Bluetooth Smart 
  • Polar H10ถูกปรับปรุงดีไซน์ใหม่ สกรีนโลโก้ Polar เด่นอย่างชัดเจนเพียงเท่านั้น แต่ยังใช้เป็น Bluetooth Smart เช่นเคย

 

3. การเปลี่ยนแบตเตอรี่สะดวกยิ่งขึ้น

  • Polar H7 : ขั้นตอนในการเปลี่ยนถ่านต้องใช้เหรียญในการหมุนบิดตัวฝาครอบถ่านออกมา
  • Polar H10 ปรับปรุงให้เปลี่ยนถ่านได้ง่ายยิ่งขึ้น เพียงดันฝาครอบออกมาเท่านั้น โดยยังใช้ถ่ายรูปแบบ CR2025  เช่นเดิม

 

4. รูปทรงที่ความบางกว่าเดิม

  • Polar H7 : มีความหนายื่นออกมาเมื่อเปรียบกับ H10 ได้อย่างชัดเจน
  • Polar H10 ปรับปรุงให้มีความโค้งมนและลดขนาดให้บางกว่า จึงทำให้เวลาใส่ออกกำลังกายรู้สึกสบายกว่า H7

 

5. ตัวล็อคสายที่ใส่ง่ายขึ้น

  • Polar H7 : เวลาสวมใส่ H7 ต้องใช้การเกี่ยวตะขอ ซึ่งในการใช้งานไปสักระยะๆอาจจะมีการยืดขอเนื้อผ้าได้
  • Polar H10 ปรับปรุงเป็นระบบกดล็อค สวมใส่ได้ง่ายขึ้น เมื่อออกกำลังกายเสร็จเพียงกดและดึงออกเพียงเท่านั้น หลังจากได้ทดลองแล้ว ตัวล็อคของ H10 มีความทนทานสูงกว่า

 

6. สายเดียวจบใช้งานทุกขนาดรอบอก

Polar H7 : จะมีสายให้เลือก 3 แบบ ซึ่งต้องเลือกให้ตรงตามขนาด

  • เล็กพิเศษ XS 50 - 75 เซ็นติเมตร
  • กลาง M-XXL 75 - 115 เซ็นติเมตร
  • ใหญ่พิเศษ XXXL 115 - 160 เซ็นติเมตร 

Polar H10 : สายรูปใหม่ในชื่อ Polar Pro Strap ที่ออกมาเพียงขนาดเดียวเท่านั้น ได้รองรับขนาด M-XXL สวมใส่ได้ครอบคลุมกว่ารุ่นเก่า

 

7. ขณะออกกำลังกายกระชับและมั่นใจกว่าเดิม

  • Polar H10 (ตัวด้านบน) Polar H10 จุดเด่นอยู่ตรงที่มีเม็ดซิลิโคนที่ทำให้การสวมใส่แน่นกระชับยิ่งขึ้น
  • Polar H7 : (ตัวด้านล่าง) Polar H7 ยังคงเป็นสายเรียบๆ ในจุดนี้เองทำให้ Polar จึงปรับปรุงมาเป็นสายรูปแบบใหม่สำหรับ H10

 

สรุป ควรเลือก Polar H10 ดีไหม

แฟนๆ Polar หรือ คนรักออกกำลังกายที่หันมาเริ่มใช้งานสายคาดอกวัดชีพจรที่ได้ลองใช้งานสายคาดอก Polar ต้องติดใจทุกคนด้วยแอพพลิเคชั่นที่ทำมารองสายคาดอกโดยตรงอย่าง Polar Beat หรือ แอพออกกำลังกายอื่นๆอย่าง Endomondo , Runtastic ด้วยการปรับปรุงพัฒนาใหม่ทำให้ Polar H10 คุ้มกว่าที่จะเลือกนำมาใช้งานด้วยเทคโนยีใหม่ที่รองรับได้มากกว่ารุ่นก่อนๆ