สำหรับ Fitbit ในตระกูล Charge ถือเป็นสายรัดข้อมือสุขภาพที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ด้วยคุณสมบัติการใช้งานที่มีความเสถียร และเป็นแบรนด์แรกๆที่เริ่มต้นผลิตออกมา จนกลายเป็นไอเท็มที่ขายดีมาตลอด ณ ปี 2021 ได้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 5 นั้นก็คือ Fitbit Charge 5

 

ความเปลี่ยนแปลงของ Fitbit Charge 5

จากเดิมตระกูล Fitbit Charge เลือกใช้หน้าจอขาวดำ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีของหน้าจอ AMOLED ได้เข้ามาสู่อุปกรณ์แสดงผลทุกรูปแบบ จึงทำให้ Fitbit Charge 5 ได้ถูกเปลี่ยนโฉมใหม่ โดยเลือกใช้หน้าจอรูปแบบ AMOLED ที่สามารถแสดงสีสันได้สดใสกว่าเดิม เพียงแต่ต้องแลกมาด้วยการใช้งานพลังงานแบตเตอรี่เยอะขึ้นนั้นเอง ส่วนฟังก์ชั่นอื่นๆที่เพิ่มขึ้นจะอยู่ในหมวดหมู่สุขภาพเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งได้รับฟังก์ชั่นสืบทอดมาจากรุ่นพี่อย่าง Fitbit Sense นั่นเอง

สรุปสิ่งใหม่

  • หน้าจอสีรูปแบบ AMOLED ให้สีสันที่สดใส แสดงผลคมชัดกว่าเดิม
  • จอแสดงผลสว่าง มากกว่า Charge 4 ถึง 2 เท่า
  • โหมดแสดงผลตลอดเวลา (Always-on display)
  • เพิ่มคุณสมบัติ Daily Readiness score (สำหรับ Fitbit Premium)
  • เพิ่มคุณสมบัติ EDA สำหรับการติดตามความเครียด
  • เพิ่มเซ็นเซอร์/ฟังก์ชัน ECG (ยังไม่พร้อมใช้งาน)
  • เพิ่มการตรวจจับ AFIB และสามารถทำเป็นไฟล์ PDF เพื่อส่งให้กับแพทย์ (ยังไม่พร้อมใช้งาน)
  • เพิ่มการติดตามการนอนกรน & ตรวจจับเสียงรบกวนขณะหลับ (ยังไม่พร้อมใช้งาน)
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 7 วัน
  • มีเซ็นเซอร์ GPS ในตัวเหมือนเดิม สำหรับติดตามระยะทางกลางแจ้ง
  • ขนาดบางกว่า Charge 4 ถึง 10%

 

ดีไซน์

Fitbit Charge 5 ถ้ามองรวมๆได้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์เพียงเล็กน้อย ขอสรุปเป็นข้อๆดังนี้

  • ตัวเรือนมีความโค้งมนขึ้น ทั้งตัว Tracker และบริเวณหน้าจอแสดงผล
  • นำปุ่มกดออก (จากเดิมที่มีปุ่มกดยื่นออกมา 1 ปุ่มด้านข้าง)
  • สายนาฬิกาแบบซ่อนปลายสาย (จากเดิมเป็นสายในรูปแบบมุดล็อคสาย)
  • ลักษณะการล็อคเปลี่ยนสายรูปแบบใหม่ (ไม่สามารถใช้งานสายเดิมของ Charge 4)

เปรียบได้ว่าทาง Fitbit นำ Charge 4 รุ่นเดิมมาปัดฝุ่นใหม่ ให้ดูทันสมัยขึ้น ถ้าคุณกำลังลังเลว่าจะเลือกรุ่นไหนดีระหว่าง Charge 4 หรือ Charge 5 ซึ่งแน่นอนของใหม่ต้องดีกว่ารุ่นเก่าอยู่แล้ว แต่ถ้ารุ่นเก่าอย่าง Charge 4 ยังมีจำหน่ายอยู่ และต้องการเน้นความคุ้มค่าโดยยังได้ฟังก์ชั่นที่ครบ ถือว่า Charge 4  เป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่น้อย

 

คะแนนความพร้อมรายวัน

นอกเหนือจากหน้าจอ AMOLED ยังมีสิ่งที่น่าสนใจในตัว Fitbit Charge 5 อยู่พอสมควร เริ่มที่ฟังก์ชั่น Daily Readiness Score ที่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกในรูปแบบ Fitbit Premium จะมีค่าใช้จ่ายก่อนเป็นสมาชิก ซึ่งจะได้ใช้งานฟังก์ชั่นการวิเคราะห์ที่ละเอียดขึ้น ข้อดีของ Daily Readiness Score จะช่วยให้เห็นภาพรวม ความหนัก/เบาของการออกกำลังกาย เพื่อทำให้ออกกำลังกายได้เต็มที่ หรือควรพักฟื้นให้พร้อมกับการออกกำลังกายในครั้งต่อไป

Daily Readiness Score ใช้ข้อมูลประเมินแบ่งออกเป็น 3 ส่วน

  1. กิจกรรม (Activity) ตรวจดูอัตราการเต้นของหัวใจตลอดทั้งวัน ทั้งกิจกรรมทั่วไปจนถึงการออกกกำลังกาย โดยเช็คการใช้พลังงานใน 1 วัน เพื่อประเมินความเหนื่อยล้าต่อการออกกำลังกาย
  2. นอนหลับ (Sleep) เปรียบเทียบคุณภาพการนอนหลับที่ผ่านมา
  3. HRV Score วัดคะแนน HRV ในระหว่างการนอนหลับสนิทที่ผ่านมา

ทั้ง 3 ข้อมูลเหล่านี้จะนำเป็นคิดเป็นคะแนน Daily Readiness เพื่อรู้สถานการณ์ความพร้อมในแต่ล่ะวัน แสดงผลตั้ง 0 ถึง 100

  • คะแนนน้อย : ได้รับคำแนะนำการฟื้นฟูหรือการยืดกล้ามเนื้อ (กิจกรรมที่ไม่เข้มข้น)
  • คะแนนมาก : ได้คำแนะนำสำหรับการออกกำลังกายที่เฉพาะเจาะจง ด้วยวิดีโอประมาณ 200 รายการ จาก Fitbit

ภาพรวมของ Daily Readiness Score ของ Fitbit ใช้เพื่อดูความพร้อมของร่างกายโดยแสดงผลเป็นคะแนนที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ซึ่งมีความแม่นยำด้วยการใช้ข้อมูลการตรวจวัดที่ครอบคลุมกิจกรรมตลอดทั้งวัน

 

สรุป

ในพรีวิวนี้จะไม่ได้บอกคุณสมบัติทั้งหมด เพราะว่า Charge 5 ได้ถอดแบบจากรุ่นเดิมอย่าง Charge 4 มาทั้งหมด เพียงแต่ปรับเปลี่ยนดีไซน์, หน้าจอแสดงผล และเพิ่มฟังก์ชั่นสุขภาพในเชิงฟื้นฟู และตรวจเช็คข้อมูลลงลึกรายวันเพียงเท่านั้น สุดท้ายถ้าชอบความสดใหม่ของดีไซน์ Charge 5 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่กำลังมองหาสายรัดข้อมือ GPS ออกกำลังกาย ที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน